กมธ.ความมั่นคงฯ ชี้เหตุยิงเรือฝั่งเมียนมาใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ

นายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ แถลงข่าว ความคืบหน้าหลังกรรมาธิการคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมเพื่อให้ข้อมูลเพื่อติดตามความคืบหน้าทั้งกรณีเหตุการณ์เรือประมงไทยถูกเรือตรวจการณ์เมียนมา ยิงบริเวณน่านน้ำด้าน จ.ระนอง และสถานการณ์ชายแดน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน “ว้าแดง”

 

ช่างภาพพีพีทีวี

กรณีเหตุการณ์เรือประมงไทยถูกเรือเมียนมายิง “นายรังสิมันต์” เปิดเผยหลังการประชุมว่า วันนี้ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องแนวทางการป้องกันว่าจะทำอน่างไรไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ หรือแม้กระทั่งรายละเอียดพิกัดที่เกิดเหตุก็ยังไม่มีความชัดเจน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ

“นายรังสิมันต์” มองว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นไทยควรมีท่าทีที่เข้มแข็งมากกว่านี้ เพื่อแสดงจุดยืนว่าไทยไม่สามารถยอมรับความรุนแรงนี้ได้ และกมธ.ความมั่นคงก็ได้ให้กำลังใจไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเร่งประสานงานนำตัวประกันกลับมาประเทศไทย ขณะนี้ยังเป็นปัญหาที่ต้องติดตามต่อไป เพราะไม่มีความชัดเจนเลยว่าตัวประกันจะสามารถกลับไทยได้เมื่อไหร่

รอบนี้หนาวนาน! อุตุฯเตือนอากาศหนาว 17 -27 ธ.ค. ภาคใต้ฝนตกหนัก!

วันหยุดปีใหม่ 2568 เพิ่มวันหยุดพิเศษ วางแผนหยุดยาว 5 วันรวด

ข้อแตกต่าง ยาพาราเซตามอล และ ยาไอบูโพรเฟน แก้ปวดเหมือนกันแต่ใช้ต่างกัน!

“นายรังสิมันต์” เผยว่ามีข้อมูลว่าทหารของเมียนมาพบว่ามีลูกเรือบางคนที่เป็นคนเมียนมา และอาจจะเกี่ยวข้องกับฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา จึงอาจไม่ยอมปล่อยตัว แต่ข้อมูลส่วนนี้นังไม่มีหลักฐานชัดเจน และข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศมีข้อมูลว่าตัวประกันจะสามารถกลับประเทศได้ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2567 แล้ว แต่ที่ไม่ได้กลับก็ไม่ทราบสาเหตุสุดท้ายเกิดอะไรขึ้น จึงไม่สามารถเดินทางกลับมาได้

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีการเตือนล่วงหน้าก่อนก่อเหตุ การยิงเป็นการยิงเข้าลำตัวเรือ ซึ่งเสี่ยงที่จะเกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต และยืนยันว่าหลังจากเรือถูกยิง ก็หนีทันที เพราะไม่รู้ว่าฝั่งที่ยิงมาเป็นใคร แต่ก็ยังถูกไล่ยิงต่อ ดังนั้นข้อมูลทั้งหมดที่ กมธ.ได้รับ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมียนมาใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ และเรื่องหลักกฏหมายระหว่างประเทศที่เมียนมาที่กระทำกับประเทศไทย ขัดหรือแย้งต่อกฎหมายระหว่างประเทศแน่นอน

ทาง กมธ.ความมั่นคง อยากเห็นท่าทีของรัฐบาลที่เข้มแข็งมากกว่านี้ เพราะหากมองการกระมำดังกล่าว รุนแรงเกินกว่าเหตุมาก จนอาจทำให้มีคนเสียชีวิตได้จริงๆ ทางการเมียนมาสามารถแก้ปัญหาจากเบาไปหาหนักได้ แต่เท่าที่มีข้อมูลเขาแก้ปัญหาลัดไปที่ขั้นสุดท้ายเลย

ส่วนกรณีสถานการณ์ชายแดน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอนหรือปัญหาฐานทัพ “ว้าแดง” “นายรังสิมันต์” เผยว่า จากการประชุมเป็นข้อมูลที่เป็นไปในทิศทางที่ดี แต่อาจจะไม่สามารถเปิดเผยกับสื่อมวลชนได้หมด เพราะฝั่งตรงข้ามจะรู้ข้อมูลนี้ได้ แต่กรณีนี้ฝ่ายไทยได้เต็มที่เพื่อแก้ปัญหานี้ โดยทาง กมธ.ความมั่นคงจะให้เวลาคณะทำงานได้แก้ปัญหาตามแนวทางที่ให้ข้อมูลไว้ พร้อมกับแนะนำไปว่าหากจะใช้วิธีแก้ปัญหาเช่นเคยอาจจะไม่สำเร็จ จึงแนะนำใช้วิธีกดดันเพิ่มเติมกับชาติมหาอำนาจชาติอื่น ยืนยันว่ามีการรุกล้ำเขตแดนประเทศไทยจริง และไม่ยอมให้กองกำลังใด ๆ มาตั้งฐานทัพในประเทศของเรา