จากกรณี นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ไลฟ์สดกล่าวหานายศักดิ์สยาม. ชิดชอบ อดีต รมว.คมนาคม ไปเที่ยวผับย่านทองหล่อ จนทำให้เกิดคลัสเตอร์โควิด เมื่อปี 2564 และมีการกล่าวหาเรื่องชู้สาวอีกหลายกรณี จนทำให้นายศักดิ์สยามได้แจ้งความร้องทุกข์ ข้อหา "หมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา ในระบบคอมพิวเตอร์ สร้างความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์" แต่นายมงคลกิตต์ ไม่มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก จึงถูกออกหมายจับ จากนั้นคดีเข้าสู่กระบวนศาล
โดยล่าสุดวันนี้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ในฐานะโจทย์ร่วมและเป็นผู้เสียหายในคดี พร้อมนาย มงคลกิตต์ จำเลย และทนายความ ได้เดินทางมาที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ หลังนัดสืบพยานนัดแรก แต่ในวันนี้ทั้งโจทย์และจำเลยมีการพูดคุยไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความกันในชั้นพิจารณาคดี แต่โจทย์มีเงื่อนให้จำเลยขอโทษในสื่อไซเชียลต่างๆ ตามข้อตกลง แล้วโจทย์จะถอนฟ้องในคดีดังกล่าว
นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า จากกรณีที่ตนเองเคยไลฟ์เฟสบุ๊ก วันที่ 17 เม.ย.2564 และมีการโพสต์ ในวันที่ 24 เม.ย.2564 , 27 เม.ย.2564 และวันที่ 1 พ.ค.2564 หลายเหตุการณ์ เช่น เรื่องการแพร่ระบาดโควิด คริสตัลทองหล่อ โพสต์เฟสบุ๊ก ภาพนายศักดิ์สยาม กับผู้หญิง 2 -3 คน ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด คลาดเคลื่อนในข้อเท็จจริง ทั้งมีการกล่าวหานายศักดิ์สยาม ในลักษณะชู้สาวกับผู้หญิง ซึ่งไม่เป็นความจริง ทั้งยังมีการให้สัมภาษณ์สื่อช่องหนึ่งพาดพิงถึงนายศักดิ์สยาม เกี่ยวกับคลัสเตอร์สุโขทัยซึ่งเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของตน ทั้งที่ความจริงนายศักดิ์สยาม ไม่ได้ไปอยู่ในเหตุการณ์นั้น หลังจากนั้นก็มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในฐานะฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
โดยนายมงคลกิตติ์ ยอมรับว่าทั้ง 4 เหตุการณ์เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนของตนเอง ทำให้กระทบต่อชื่อเสียงของนายศักดิ์สยาม อัยการจึงสั่งฟ้องฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และส่งฟ้องศาล ล่าสุดมีการสืบพยานนัดแรกท่านผู้พิพากษาก็เปิดโอกาสให้คุยกัน ซึ่งตัวเองก็พร้อมคุยและขอโทษนายศักดิ์สยาม ในกรณีที่ล่วงเกินไปทำให้ต้องเสียชื่อเสียงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งนายศักดิ์สยามก็ให้ความกรุณา ให้อภัย ก็ถอนฟ้องในคดีอาญาให้
ซึ่งเหตุการณ์มันผ่านไปแล้วอะไรที่ผิดตัวเองก็ยอมรับผิด ก็ขอโทษซึ่งนายศักดิ์สยาม ก็ให้อภัย ก็ดีใจที่ให้อภัย ในตอนนั้นมันคนละบทบาท ช่วงนั้นท่านเป็นรัฐมนตรี ส่วนตัวเองเป็นฝ่ายค้านก็เป็นการกระทบกระทั่งกันบ้าง ในฐานะเป็นลูกผู้ชายผิดก็ยอมรับผิด เรื่องนี้ยืนยันไม่มีใครบังคับ เพราะรัฐบาลชุดที่แล้วมีคนเดียวที่กล้าฟ้องตนเอง ก็คือนายศักดิ์สยาม ทั้งนี้จากสิ่งที่เกิดขึ้นก็อยากฝากว่าการดำเนินการในฐานะฝ่ายค้านก็ต้องตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบ เพราะถ้าไม่รอบคอบก็อาจจะถูกฟ้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากให้สัมภาษณ์ นายมงคลกิตต์ ก็ได้ยกมือไหว้ขอโทษนายศักดิ์สยาม ซึ่งนายศักดิ์สยาม ก็รับไหว้ ก่อนที่นายศักดิ์สยาม จะบอกว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นมา 4 ปีแล้วก็มีการนำเข้าสู่การอภิปรายและมีการชี้แจง ซึ่งขณะนั้นนายมงคลกิตติ์ ก็เป็นฝ่ายค้านไม่ได้มีการพูดคุยกัน กระทั่งเมื่อวานที่มีการสืบพยานนัดแรก นายมงคลกิตต์ ก็เดินเข้ามาทักทายและเข้าไปใจห้องพิจารณา ก็มีการพูดคุยกันว่าถ้าจะมีการไกล่เกลี่ยขอโทษกันตนเองจะว่ายังไง ซึ่งตนเองก็ไม่ได้ขัดข้อง แต่ก็ต้องทำเรื่องจริงให้ปรากฎว่าเรื่องที่ได้กล่าวหากันความจริงเป็นยังไง ซึ่งนายมงคลกิตต์ ก็ยอมรับว่าทุกเรื่องไม่เป็นความจริง เมื่อนายมงคลกิตติ์ ยอมรับแล้ว ตัวเองก็ยินดีที่จะให้อภัย แต่ในสิ่งที่เกิดขึ้นประชาชนก็ได้รับทราบข้อมูลที่คลาดเคลื่อนเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ดังนั้นตนจึงได้เรียกต่อศาลว่าได้ขอนายมงคลกิตติ์แก้เรื่องดังกล่าวให้ ด้วยการลงสื่อโซเชียลต่างๆ เป็นเวลา 15 วัน เพื่อให้เห็นว่านายมงคลกิตต์ มีความจริงใจที่จะขอโทษและแก้ไขให้เกิดข้อเท็จจริง
นายศักดิ์สยาม บอกอีกว่าที่ผ่านมานายมงคลกิตติ์ ก็ทำหน้าที่ฝ่ายค้านได้ดี แต่ก็อยากฝากให้ตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบก่อน ก็คิดว่าน่าจะเป็นกรณีศึกษาสำหรับคนที่จะทำหน้าที่ต่อจากนี้ หรือใครก็ตามที่จะกล่าวหาใครควรตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบ เพราะจะเสียเวลาและเสียชื่อเสียงทั้งสองฝ่าย ก็ดีใจที่นายมงคลกิตติ์ ทำเรื่องนี้ให้ได้ข้อยุติ และหวังว่านายมงคลกิตติ์ จะไม่ทำอะไรกับตนเองแบบนี้อีก
อย่างไรก็ตาม นายศักดิ์สยาม บอกอีกว่า หลังจากวันนี้ก็ต้องรอดูว่านายมงคลกิตติ์ จะดำเนินการโพสต์โซเชียลและไลฟ์ในติ๊กต็อกขอโทษให้ครบ 15 วันหรือไม่ เพราะในสัญญาประนีประนอมต้องทำต่อเนื่อง และต้องคงไว้ในโซเชียลเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี แต่หากมีการลบก็ต้องจ่ายค่าเสียหาย 5 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากให้สัมภาษณ์เสร็จ นายมงคลกิตติ์ และนายศักดิ์สยาม ก็มีการจับมือกันเพื่อแสดงออกว่ามีการขอโทษและให้อภัยกัน