รศ.สมชัย กล่าวว่า เรื่องผู้ช่วยหาเสียงต้องยึดคำตอบของกกต.ไว้ก่อนว่าให้ดำเนินการอย่างไร เบื้องต้นถ้ากกต.เคยชี้มาแล้วก็ต้องยึดตามไว้ก่อน
ส่วนผู้ที่ช่วยปราศรัยบนเวที ต้องเป็นผู้ช่วยหาเสียงเท่านั้นหรือไม่นั้น ระเบียบไม่ได้เขียนไว้อย่างชัดเจนขนาดนั้น แต่ก็ไม่ค่อยมีใครกล้าเสี่ยง นำคนที่ไม่เกี่ยวข้องไปปราศรัย คือ สมมุติว่าจะให้ใครเป็นผู้ช่วยหาเสียงหลักการ คือ ต้องแจ้งชื่อพร้อมสำเนาบัตรประชาชน นำไปให้กับทางผอ.กกต.จังหวัด รับทราบก่อนที่จะปฏิบัติหน้าที่
โดยทางฝ่าย ผอ.กกต.จังหวัดจะเป็นผู้ตรวจสอบคุณสมบัติว่าเป็นได้หรือไม่ เช่น ตนส่งชื่อไป 10 ชื่อ ปรากฎว่าใน 10 ชื่อนั้น มีเด็กอายุ 16 ปี จำนวน 1 คน ปะปนเข้าไป ซึ่งทางจังหวัดก็ต้องตรวจสอบว่าใครอายุยังไม่ถึง 18 ปี ยังไม่มีสิทธิ์เลือกตั้งไม่สามารถเป็นผู้ช่วยหาเสียงได้ ก็สามารถแจ้งทักท้วงไปนำชื่อออกได้ ก็ถือว่าจบไป ไม่ผิดอะไร หากเคยทำงานไปแล้วจ้างไปแล้ว ก็ถือว่าแล้วไป แต่ว่าหลังจากนี้ไม่สามารถทำได้
ส่วนพรรคเพื่อไทยยื่นชื่อ นายทักษิณ ให้กกต.พิจารณาแสดงว่าอนุญาตแล้ว รศ.สมชัย กล่าวว่า ในแง่ของผอ.จังหวัดนั้นได้วินิจฉัยไปแล้วอาจจะบอกว่าไม่ผิดคุณสมบัติ ถ้าผิดขึ้นมาการปฏิบัติหน้าที่ของผอ.จังหวัด นั้น ประมาทเลินเล่อเหมือนกับว่าเป็นการส่งเด็ก 16 ปีมาแล้ว ยอมให้เป็นผู้ช่วยหาเสียง เท่ากับว่าตรวจไม่ดี ประมาทเลินเล่อ
ส่วนจะทักท้วงอย่างไรก็ต้องไปดูว่าใครมีอำนาจการตีความมากกว่านี้ในกรณีนี้เป็นระเบียบ ซึ่งออกโดยกกต.เอง และ กกต. ก็เป็นผู้รักษาระเบียบ หากมีข้อขัดกันระหว่างหน่วยงาน เช่น บางหน่วยงานราชการ แปลความหมายว่า ไม่ใช่ เท่ากับ มีความขัดแย้งเกิดขึ้นในการตีความของกฎหมาย ซึ่งไม่แน่ใจว่าระดับของระเบียบนั้น เมื่อเกิดความขัดกับการตีความ จะไปจบที่ไหนอย่างไร แต่ถ้าเป็นระดับของกฎหมาย ถ้ามีการขัดกัน ในระดับของกฎหมายที่มีการตีความแตกต่างกัน หน่วยราชการก็ต้องส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญในการตีความ ส่วนนายเรืองไกร ก็ต้องไปหาช่องว่าจะไปช่องทางไหน
ทั้งนี้ ในขั้นของระเบียบอยู่ในอำนาจของกกต. ที่กกต.เป็นคนรักษาการระเบียบ ดูแลความถูกต้องตามระเบียบ หากออกระเบียบมาแล้วกกต.ทำผิดระเบียบก็สามารถร้องกกต.ละเว้นปฏิบัติหน้าที่
อย่างไรก็ตามก็ต้องดูว่าผู้ช่วยหาเสียงส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้ง หรือ ทำให้ผลการเลือกตั้งเปลี่ยนแปลง ก็อาจจะเป็นการเลือกตั้งที่ไม่สุจริต แล้วนำไปสู่การร้องใบเหลืองหรือใบแดงได้
ส่วน การเลือกตั้งท้องถิ่น การเมืองใหญ่ มายุ่งไม่ได้ รศ.สมชัย กล่าวว่า พรรคการเมืองมายุ่งได้ เพราะว่าเลือกตั้งท้องถิ่นนั้นพรรคการเมืองสามารถส่งได้ จะเป็นหัวหน้าพรรค จะเป็นกรรมบริหารพรรค ก็มาช่วยปราศรัยในเวทีต่างๆได้ โดยไม่จำเป็นต้องบอกว่า เป็นผู้ช่วยหาเสียง กรณีนี้ไม่เป็นปัญหา แต่คนที่ไม่ใช่คนของพรรคการเมือง ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรค ส่วนใหญ่แล้ว ยุ่งเกี่ยวไม่ได้ เพราะว่า เหมือนเป็นคนนอกที่ไม่เกี่ยวข้อง ตอนนี้ หากเป็นคนนอกที่จะเข้ามาช่วย ก็มีฐานะเป็นผู้ช่วยหาเสียง ซึ่งเจตนาเกี่ยวกับการออกระเบียบของการเป็นผู้ช่วยหาเสียงนั้น คือ ต้องการให้เป็นมือ เป็นไม้ ในการช่วยผู้สมัคร ในการที่จะไปจัดการการเลือกตั้ง จัดการหาเสียง เช่น อาจจะแจกใบปลิว ถือป้าย พาเดินเข้าไปในชุมชนต่างๆเจตนาของการให้มีผู้ช่วยหาเสียง เลยมีการกำหนดค่าจ้างเท่ากับค่าแรงขั้นต่ำ 300 กว่าบาท