ระหว่างที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินสายช่วยหาเสียงการเลือกตั้งนายก อบจ. ทั้งภาคเหนือและอีสาน ปรากฎว่าเมื่อวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ได้ไปยื่นคำร้องต่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สอบ ผู้ช่วยหาเสียง กรณีมีผู้ช่วยหาเสียงกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายและระเบียบเลือกตั้งท้องถิ่นหรือไม่
ซึ่งหากดูคำร้องของนายเรืองไกร การเดินสายช่วยหาเสียงของนายทักษิณ ชินวัตร, นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็น่าเป็นห่วง
ล่าสุดนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีการยื่นคำร้องของนายเรืองไกร ในเรื่องผู้ช่วยหาเสียงดังกล่าวไว้อย่างน่าสนใจ
โดยนายสมชัย ระบุว่า “คุณเรืองไกร ทำหนังสือร้อง กกต. ให้พิจารณาเรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่น มีการใช้ผู้ช่วยหาเสียงที่ไม่เป็นไปตามระเบียบ กกต. ที่ว่า ผู้ช่วยหาเสียงต้องเป็นคนที่มีสิทธิเลือกตั้งของท้องถิ่นนั้นๆ ดังนั้น ทักษิณ ธนาธร พิธา ล้วนไม่สามารถเป็นผู้ช่วยหาเสียง
ต้องยอมรับว่า คำร้องดังกล่าว เฉียบคมในแง่กฎหมายที่ กกต. ไม่สามารถตีความเป็นอย่างอื่นได้ เหลืออีก 3-4 วันจะถึงวันเลือกตั้ง ยังมีเวทีปราศรัยอีกหลายเวที กกต.ต้องส่งหนังสือถึงผู้สมัคร เตือนให้ใช้ผู้ช่วยหาเสียงตามระเบียบครับ คุณทักษิณ ธนาธร พิธา ขึ้นเวทีอีกไม่ได้ครับ หาก กกต. ไม่ทำ ก็ฟ้อง 157 กกต. ได้ครับ
ส่วนที่ผ่านมา หากการทำหน้าที่ของผู้ช่วยหาเสียง มีผลต่อการเลือกตั้ง ก็ร้องใบเหลือง ใบแดง ในจังหวัดนั้นได้ คารวะน้ำชา 3 จอกในวันไหว้ ตรุษจีน”
ทั้งนี้นายสมชัย ยังระบุ อีกว่า “เอาคนขาดคุณสมบัติมาเป็นผู้ช่วยหาเสียง ใครผิดบ้าง 1. หากผู้สมัคร ไม่ยื่นชื่อ พร้อมสำเนาบัตรประชาชน ก่อนทำหน้าที่ : ผู้สมัครผิด ทำผิดระเบียบการหาเสียง กกต.สามารถให้ใบส้ม หรือ ใบแดงได้
2. หากมีการยื่นถูกต้อง เท่ากับ ผอ.กกต.จังหวัด บกพร่อง ในมีการตรวจสอบคุณสมบัติ กกต. กลาง สามารถลงโทษทางวินัยในการปฏิบัติหน้าที่เลินเล่อได้
3. หากความปรากฏต่อสาธารณะ แล้วยังไม่มีการแก้ไข เช่น ทำหนังสือถึงผู้สมัครให้เปลี่ยนผู้ช่วยหาเสียง ถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ สามารถฟ้อง 157 กกต.กลาง ได้
4. หากผู้สมัครได้หนังสือเตือน ทักท้วงจาก กกต.แล้วยังฝ่าฝืน สามารถเอาผิด ให้ใบส้มหรือใบแดงได้เตือนทุกฝ่าย ให้ทำให้ถูกระเบียบครับ"