"สภาล่ม" นาทีทองช่วงชิงคะแนนเสียง "เพื่อไทย-ประชาชน" เหมาะเป็นผู้แทน ปชช.

โดย PPTV Online

เผยแพร่

วิเคราะห์สภาล่มรอบสอง เป็นนาทีทองช่วงชิงคะแนนเสียง แนะ "สีส้ม" ทุ่มสรรพกำลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ เชื่อ "สีแดง" นายใหญ่เตรียมปฏิบัติการเปลี่ยนสีเสื้อ สว.

จากปรากฏการณ์ “สภาล่ม” 2 วันติดกัน ในวันที่ 13 - 14 ก.พ. 68 ทำให้สังคมได้เห็น 3 ที่สุดที่ได้เห็นกัน ที่สุดแรกคือ ผิดหวังที่สุดสำหรับ “พรรคประชาชน” ที่ถูกคว่ำบาตรจากเพื่อน ๆ ในรัฐสภา ที่สุดที่สองคือ “พรรคภูมิใจไทย” และ สว. บางส่วน ที่จะไม่ร่วมสังคายนาเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และที่สุดที่สามคือ อึมครึมที่สุด คือ พรรคเพื่อไทย และ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล หลังจากเหตุการณ์นี้ จะเดินหน้าต่อไปอย่างไร หรือจะถึงขั้นเกิดรอยร้าวขึ้นหรือไม่

คอนเทนต์แนะนำ
"ธนพร" ถอดรหัสเกมการเมือง ปมสภาล่ม อนุรักษ์นิยมมีความสุขสุด!
“อนุทิน” ลั่น ลงบัญชีแค้น ทบต้นทบดอก ปมที่ดินสนามกอล์ฟ
ส่องชื่อ! สส.-สว.- พรรค หลังองค์ประชุมถกแก้รธน.ล่มรอบ 2

สภาล่ม" นาทีทองช่วงชิงคะแนนเสียง "เพื่อไทย-ประชาชน" เหมาะเป็นผู้แทน ปชช. รายการคุยข้ามช็อต Exclusive Talk
สภาล่ม" นาทีทองช่วงชิงคะแนนเสียง "เพื่อไทย-ประชาชน" เหมาะเป็นผู้แทน ปชช.

วิเคราะห์ แดง-ส้ม-น้ำเงิน หลังสภาฯ ล่มรอบสอง

รศ.ธนพร ศรียากูล นักวิเคราะห์การเมือง ให้ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวในรายการคุยข้ามช็อต Exclusive Talk PPTV HD36 ระบุว่า สถานการณ์วันนี้ พรรคเพื่อไทย ไม่ได้เพลี่ยงพล้ำให้กับพรรคภูมิใจไทย ทางการเมืองการประชุมสภาถือเป็นอีเวนต์หนึ่ง แต่ละพรรคก็มีแฟนคลับของตัวเอง ทุกพรรคจึงรู้ว่าควรเล่นบทอะไรถึงจะตอบโจทย์แฟนคลับ

ส่วนกรณีของพรรคสีส้ม ตนมองว่าไม่ผิดหวัง เนื่องจากเล่นตามบทที่แฟนคลับชอบ สีส้ม ตั้งพรรคมาหลายปีแล้ว ไม่โง่ รู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่ตนเสนอไปจะไม่ผ่าน แต่สิ่งที่ทำได้สำเร็จคือ แฟนคลับเชื่อใจ เพราะมาตรฐานชัดเจน ได้ใจคนรุ่นใหม่ พรรคการเมืองทุกพรรคต้องหาเสียง ต้องรักษาความนิยม และใช้โอกาสการถ่ายทอดสดต่าง ๆ ให้พรรคตนติดตามากที่สุด

รศ.ธนพร กล่าวต่อว่า สิ่งที่ประชาชนได้กำไรเพิ่มจากกรณีนี้คือ ได้ใช้โอกาสนี้สกัดความวุ่นวายทั้งหลายที่จะมีขึ้นหลังจากที่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หรือ “สส.เท้ง” หัวหน้าพรรคประชาชน พ้นตำแหน่ง ซึ่งตนเชื่อว่าเดี๋ยวโดนเล่นจาก ป.ป.ช. ขณะเดียวกัน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน ที่กล้าเถียงเมื่อโดน นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ดุ สิ่งนี้ได้ใจคนรุ่นใหม่

ในส่วนของพรรคภูมิใจไทย รศ.ธนพร มองว่า ตนไม่แปลกใจที่พรรคภูมิใจไทยไม่อยากแก้รัฐธรรมนูญ เนื่องจากหน้าที่ของ “สีน้ำเงิน’ ชัดเจนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว คือ การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ส่วนที่ต้องพิทักษ์รัฐธรรมนูญ เป็นเพราะอำนาจ สว. ตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้คือการเลือกองค์กรอิสระ ถ้าไม่พิทักษ์ไว้แล้วเขาจะเหลืออะไร และหากต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ต้องอาศัยเสียง สว. 1 ใน 3 ถ้าไม่รักษาสมบัติไว้ ก็อย่ามาเป็น สว. เลย

ทว่าพรรคภูมิใจไทยได้กำไรน้อยไปนิดหนึ่ง คือ กรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่สะบักสะบอมจากกรณีตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถูกนายกนายน้อยปาดหน้าไป รอบนี้เขาก็พยายามแก้เกม แต่แก้ผิดเพราะไปแถลงที่พรรค ซึ่งจริง ๆ แล้วควรแถลงที่รัฐสภา เพราะนายกนายน้อยไม่ได้เป็น สส. สิ่งนี้คือสิ่งที่นายอนุทินได้เปรียบ ยิ่งตอกย้ำว่าช่วงทีเด็ดทีขาด นายอนุทินไม่รับความเสี่ยงอะไรเลย เสียโอกาสได้กำไรเมื่อเทียบกับ “สีแดง” และ “สีส้ม”

“เพื่อไทย-ประชาชน” เหมาะเป็นผู้แทน ปชช. พรรคที่เงียบทำได้แค่พูดหน้าสื่อแล้วถอย!

นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายอิสระ กล่าวว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่จริงใจและไม่จริงจัง ให้ประกาศโหวตแก้รัฐธรรมนูญ พร้อมสนับสนุน แต่รู้ทั้งรู้ว่าโหวตไปก็ตก พอตกแล้วจะมีผลทางกฎหมาย คือ จะเสนอเรื่องเดิมในสมัยประชุมเดิมไม่ได้ พอคาราคาซังต่อไปคนจะหันกลับมาว่าพรรคเพื่อไทยว่า ทำไมวันนั้นไม่ทำอย่างอื่น

พอสภาล่มสองรอบแล้ว แต่ละพรรคก็เรียงคิวแถลง เริ่มจากพรรคประชาชน ตามด้วยพรรคเพื่อไทย วันต่อมาพรรคเพื่อไทยมาแถลงก่อน ตามด้วยพรรคประชาชน คำถามคือ แล้ว “ตัวละครลับ” ที่ไม่ยอมออกมาหน้าฉากนั้นหายไปเลย หากเราสังเกต เราไม่เคยเห็นตัวแทนกลุ่ม สว. ออกมาบอกว่าจะอย่างไรก็ไม่แก้รัฐธรรมนูญ หรือตัวแทนของพรรคภูมิใจไทยสักคนที่ออกมาพูดตรง ๆ เพราะพวกเขารู้ว่าไม่สามารถอธิบายได้ ไม่มีเหตุผล

นายวีรพัฒน์ กล่าวต่อว่า การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่ใช่การแก้เพื่อทำลายประเทศชาติ แต่เป็นการแก้โดยเปิดทางให้มี สสร. จากประชาชน ส่วนการที่พรรคภูมิใจไทยแถลงว่าเห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญ แต่ต้องถูกต้องชอบธรรม ตนมองว่าเป็นสิ่งที่เหมือนกับพรรคเพื่อไทยอธิบายว่า นั่นคือ “ข้ออ้าง” ของนักการเมืองบางส่วน

จากที่ตนสังเกตมาตลอด จะเห็นได้ว่า เส้นแบ่งของสไตล์ทางการเมืองจะชัดขึ้นเรื่อย ๆ หากเราไปดูศิลปะท่าทางการแสดงออกในสภา เราจะเห็นได้ชัดเจน เช่น การที่ นายพริษฐ์ เป็นหนุ่มแถลงพูดจาฉะฉานเป็นพระเอกของพรรคประชาชน ขณะที่ฝั่งพรรคเพื่อไทยเราจะเห็น นายสุทิน คลังแสง สส.พรรคเพื่อไทย นั่งห้อมล้อมด้วยสมาชิกพรรคอื่น ๆ เมื่อแถลงก็มี นายสุทิน หมอชลน่าน นำแถลง ทำให้เห็นความแตกต่างที่มีนัยยะทางการเมือง

นายวีรพัฒน์ อธิบายว่า พรรคประชาชนต้องการแสดงความสด ความเป็นคนรุ่นใหม่ ขณะเดียวกัน พรรคเพื่อไทยก็ต้องการแสดงความเก๋า ความขลัง ความสุขุมรอบคอบ ซึ่งนัยยะตรงนี้เราได้เห็นบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ คำถามคือสมมติว่าหากร่างวันนี้ตกไปแล้ว พรรคประชาชนจะพูดว่าอย่างไร 1) เป็นความผิดของนายกฯ อิ๊งค์ ที่ไม่ออกมาจัดการหะพรรคภูมิใจไทย หรือ 2) เป็นความผิดของพรรคเพื่อไทย ที่ไม่ทำดีกว่านี้

ซึ่งหากพรรคประชาชนถามแบบนี้ พรรคเพื่อไทยก็จะถามกลับว่า แล้วที่พรรคเพื่อไทยทำวันนี้ให้โหวตไม่ตก ไม่คิดจะเห็นคุณค่าหน่อยหรือ หรือในอีกแง่หนึ่ง พรรคเพื่อไทยก็ต้องตอบคำถามคนในสังคมด้วยว่า วันนี้จะแสดงให้สังคมเชื่อมั่นได้อย่างไรว่าพรรคเพื่อไทยมีความจริงใจและจริงจังจะแก้

นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายอิสระ รายการคุยข้ามช็อต Exclusive Talk
นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายอิสระ

นายวีรพัฒน์ กล่าวต่อว่า อะไรจะถูกจะผิดตนไม่ทราบ แต่เชื่อว่าทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนคิดแล้วว่าวันนี้ถ้าต้องลงสนามศึกเลือกตั้ง  ต้องโกยคะแนนแล้ว ส่วนพรรคที่ไม่ได้คะแนนคือพรรคที่อยู่เฉย ๆ เงียบ ๆ และตนเชื่อว่าพรรคที่ผิดสัญญากับประชาชน ประชาชนจะไม่ลืม

“พรรคที่มีจุดยืนอย่างพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนคือพรรคที่สมควรจะเข้ามาทำหน้าที่ผู้แทนประชาชน ไม่ใช่พรรคที่ไม่กล้าตอบคำถาม แถลงฝ่ายเดียว แต่ไม่กล้าออกสื่อ ไม่กล้าชี้แจง ไม่กล้าถกเถียง แสดงว่าไม่สามารถเป็นผู้แทนประชาชนได้ เป็นได้เพียงตัวแทนของตัวเองที่พูดหน้าสื่อแล้วถอยออกไป” นายวีรพัฒน์ กล่าว

“สภาล่ม” นาทีทองชิงคะแนนเสียง

รศ.ธนพร กล่าวว่า ในทางการเมือง ความเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะรับผิดชอบในเรื่องนี้ ที่จริงแล้วงานนี้เป็นงาน “ต้มส้มจากครัวนายใหญ่เป็นอาหารสำหรับวันวาเลนไทน์” พรรคเพื่อไทยเปลี่ยนเกมเล่น จะมองว่าหักหลังหรืออย่างไรก็สุดแท้แต่ แต่เราต้องยอมรับด้วยว่าพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชนจะอย่างไรก็เป็นคู่แข่ง การที่ปล่อยให้ร่างตกไป พรรคประชาชนก็ได้ความเป็นฮีโร่มากกว่าพรรคเพื่อไทย

ขณะที่ สส. คนรุ่นใหม่ของพรรคเพื่อไทยก็ต้องยอมรับความจริงว่า การฝึกปรือฝีมือในการอธิบายความต่าง ๆ ยังห่างชั้นจากพรรคประชาชน ที่เดินหน้าแบบเต็มถัง ได้ใจแฟนคลับ จึงต้องมาพลิกเกมด้วยการนำคนรุ่นเก๋ามาเล่น สอดคล้องกับคำขวัญพรรคที่ว่า “คิดใหญ่ ทำเป็น” สิ่งกรณีนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็นการชิงเหลี่ยมทางการเมือง

รศ.ธนพร กล่าวต่อว่า สองวันนี้ที่เกิดสภาล่ม คือการช่วงชิงคะแนนเสียง การสร้างความซื่อสัตย์ต่อแบรนด์ และการรักษาฐานแฟนคลับของแต่ละพรรค จึงใส่กันเต็มเหนี่ยว พรรคประชาชนรู้อยู่แล้วว่าไม่ผ่าน แต่ก็ใส่แบบเต็มเหนี่ยว ทุกฝ่ายรู้ฐานแฟนคลับตนเองอยู่แล้ว เพียงแต่ใครจะชิงเหลี่ยมเพื่อรักษาฐานแฟนคลับไว้ได้

รศ.ธนพร ศรียากูล นักวิเคราะห์การเมือง รายการคุยข้ามช็อต Exclusive Talk
รศ.ธนพร ศรียากูล นักวิเคราะห์การเมือง

ด้าน นายวีรพัฒน์ กล่าวว่า เห็นด้วยที่ว่าเวลานี้เป็นเวลาช่วงชิงคะแนน เพราะพรรคประชาชนไม่ได้พูดแค่เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่พูดถึงเรื่องของการยุบสภาด้วย เมื่ออ้าปากก็เห็นลิ้นไก่สีส้มแล้วว่าวันนี้ต้องการจะชิงจังหวะเอาคะแนน เขาไม่ได้สนใจแค่เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ เขาต้องการช่วงชิงจังหวะให้เกิดการเรียกร้องยุบสภา เพราะพรรคประชาชนมั่นใจว่าถ้าเกิดการเลือกตั้งในวันนี้พวกเขามีโอกาสชนะ แสดงให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายเล่นการเมืองกันทั้งคู่

ส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดี เป็นธรรมชาติของนักการเมืองที่ต้องการแย่งคะแนนเสียงจากประชาชน ให้เราไปเลือกให้คะแนนเสียงให้พวกเขา ดีกว่าไปเอารถถังเอาปืนมายึดอำนาจ คำถามคือเมื่อฟังแล้วประชาชนจะเลือกใคร

นายวีรพัฒน์ กล่าวต่อว่า หากพรรคเพื่อไทยไม่แสดงจุดยืนว่าต้องการแก้รัฐธรรมนูญ แม้สภาจะล่มแต่ก็สามารถรักษาญัตติไว้ได้ ในศึกเลือกตั้งครั้งต่อไปจะโดนพรรคประชาชนตีจนเละ

ฉากทัศน์หลังสภาล่ม “สีส้ม” ทุ่มสรรพกำลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ “สีแดง” นายใหญ่เตรียมปฏิบัติการเปลี่ยนสีเสื้อ สว.

รศ.ธนพร กล่าวว่า หลังจากนี้ ฝั่งสีส้มต้องไปทุ่มเทสรรพกำลังกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ให้สอยรัฐมนตรีเบอร์ใหญ่ระดับเดียวกับที่เคยสอย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ มาได้ เช่น สอยนายอนุทิน สอยนายภูมิธรรม สอยกระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น ซึ่งจะต้องถล่มรัฐบาลให้ราบคาบในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยมีตัวชี้วัดเป็นการนำรัฐมนตรีออกจากตำแหน่งให้ได้

แน่นอนว่าเมื่อโหวตแล้วเสียงไม่ชนะ แต่ถ้ารัฐมนตรีคนนั้นตอบไม่ได้ก็จะอยู่ในสภาพช้ำเลือดช้ำหนอง เพราะเป็นการถ่ายทอดสด เป็นการตอกย้ำว่าสีส้มนั้นเจ๋งจริง อย่างไรก็ตามสีส้มต้องเตรียมเกมรับให้ดี เช่น นิติสงคราม ในกรณีจริยธรรมที่อาจเกิดขึ้น

รศ.ธนพร กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน สีแดงและสีน้ำเงิน สีแดงต้องฟาดสีน้ำเงินอย่างต่อเนื่องอย่าให้พักหายใจ วันนี้เราเห็นแล้วว่าเครือข่ายสีแดงเปิดประเด็นเรื่องที่ดิน ไปจนถึงเรื่อง “หน้าตัวเมีย” ว่อนไปหมด นี่คือเกมที่นายใหญ่จะเปิด ขณะเดียวกัน นายใหญ่ก็รุกกลุ่ม สว. ด้วย เตรียมให้ DSI เปิดเกม รับคดีเลือกตั้ง สว. เป็นคดีพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นข้อหาอั้งยี่ ยุยงปลุกปั่น และ ฟอกเงิน ซึ่งใครที่โดนแจ้งข้อกล่าวหาว่าฟอกเงิน จะถูกอายัดทรัพย์ไว้ก่อน ได้เงินเดือนแต่เบิกมาใช้ไม่ได้ ทรัพย์สินที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. โดนหมด

ส่วนตัวมองว่า นี่เป็นปฏิบัติการเปลี่ยนสีเสื้อ สว. ของนายใหญ่ ใครไม่อยากได้รับหมายเรียกให้เปลี่ยนสีเสื้อเป็นสีแดงเสีย พอได้ยอดสัก 120 คน เปลี่ยนสีเสื้อมาเป็น สว. สีแดงปุ๊บ ต่อไปจะปลดประธานวุฒิสภา วึ่งโมเดลนี้เคยทำมแล้วสมัยนายใหญ่เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปลดแล้วจากนั้นก็จะเล่นงานองค์กรอิสระ โดยเฉพาะเปลี่ยนผ่าน ป.ป.ช. และ กกต. และหากเปลี่ยนได้เมื่อไร จะเกิดการยุบสภาเมื่อนั้น พรรคภูมิใจไทยก็ต้องแก้เกม

Bottom-PL-HLW Bottom-PL-HLW

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ