14 ก.พ. 68 รศ.ธนพร ศรียากูล นักวิเคราะห์การเมือง แสดงความเห็นในรายการเปิดโต๊ะข่าว PPTV HD36 ถึงประเด็นเรื่องราวในสภา ที่ทำให้การพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญล่มถึง 2 ครั้ง หลังพรรคภูมิใจไทยวอล์กเอาต์เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่ผ่านมา โดย รศ.ธนพร กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมีอยู่ 2 ประการ คือ 1. พรรคอนุรักษ์นิยมมีความสุขดี เพราะรัฐธรรมนูญยังไม่ได้แก้ 2. สีส้มได้โชว์ดีเอ็นเอ คือ เป็นคนรุ่นใหม่ ไม่กลัวใคร ตรงไปตรงมา ได้ใจแฟนคลับ
รศ.ธนพร กล่าวต่อว่า แต่มูลค่าเพิ่มจากเรื่องนี้ คือ เกิดศึกการเมืองในพรรคตัวเอง กรณี 44 สส. ตัวตึงคงไม่รอด คุณไอติมจึงเตรียมขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค ส่วนสีแดง เมื่อวานนายสุทิน ออกมาสถาปนาวาทกรรมเลยว่าแก้ได้ กับ ได้แก้ ถ้ารัฐธรรมนูญจะแก้ได้ ต้องสไตล์เพื่อไทยเท่านั้น แปลว่า งานใหญ่ ๆ ทำแบบสีส้มไม่ได้ ถ้าหวังผลต้องใจเย็น ๆ ส่วนสีน้ำเงิน คือ ภูมิใจไทยกับ สว. ก็ทำได้ตามจุดยืนที่ไม่อยากแก้มาแต่ไหนแต่ไร
ฉะนั้น ถือว่าไม่ได้ไม่เสีย แต่กำไรบวกน้อยไปถ้าเทียบกับแดงและส้ม เพราะนายอนุทิน มีภาวะความเป็นผู้นำทางการเมืองที่ไม่กล้าตัดสินใจอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือแก้ไขรัฐธรรมนูญ สีน้ำเงินไม่เสียหายในเรื่องจุดยืน แต่เสียหายในเรื่องภาวะความเป็นผู้นำของแคนดิเดต คือ นายอนุทิน ในการเสนอตัวปี 70
กรณีการตัดไฟ แม้นายอนุทินก็แสดงออกถึงความรอบคอบ และเรื่องนี้ก็ประกาศชัดว่าถ้าทำต่อจะผิดกฎหมาย แต่ รศ.ธนพร มองว่า ถ้าคิดแบบนี้ก็ไม่ต้องมีรัฐมนตรี เพราะปลัดกระทรวงก็คิดได้ แล้วจะมีเพื่ออะไร นายกนายน้อย กับ นายภูมิธรรมต่างหากที่มองทะลุข้อจำกัด แต่ท่าทีนายอนุทินเหมือนเป็นการลดทอนตัวเองจากรัฐมนตรีไปเป็นปลัดกระทรวงคนที่ 2 ฉะนั้น ไม่ต้องมาเป็นรัฐมนตรี ไปเป็นปลัดกระทรวงก็ได้เพราะเขาคิดแบบนี้กันทุกคน
รศ.ธนพร กล่าวต่อว่า การที่นายอนุทินแสดงจุดยืนไม่ใช่ปัญหา แต่ส่งผลให้เสียโอกาสในการทำกำไร เนื่องจากเรื่องตัดไฟทำให้เสียโอกาสไปเยอะ ส่วนเรื่องการเดินหน้าอภิปรายนั้น อย่างไรพรรคภูมิใจไทย พรรคร่วมกับ สว. ก็ไม่ยกมือให้อยู่แล้ว ภูมิใจไทยนั้นไม่ได้แสดงจุดยืน และได้กำไรจากเรื่องนี้น้อยเกินไปเมื่อเทียบกับเมื่อวันที่ 13 ก.พ. หากเปรียบเทียบกัน 3 กลุ่ม สีน้ำเงินถือว่าเสียโอกาสในการทำกำไรจากครั้งนี้
ส่วนสถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยนั้น รศ.ธนพร กล่าวว่า ไม่ลำบากแน่นอน เพราะนายใหญ่ของทางนั้นไปเปิดช่องตรง DSI ซึ่งต้องรอทาง DSI รับเรื่องนี้ให้เป็นคดีพิเศษ หากรับเรื่องคดีนี้จะเข้าข่ายเรื่อง ฟอกเงิน อายัดทรัพย์ ดังนั้น สว. ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเตรียมตัวหลอน ถ้าจะหนีคงมีแค่เปลี่ยนสีเสื้อเป็นสีแดง
เพราะทั้ง สว. สำรองและ สว. ที่ไปร้องเรียนนั้น ต่างมุ่งไปที่ DSI พร้อมทั้งมีผู้ใหญ่มารับเรื่องมากมาย ซึ่งถ้าเปลี่ยนสำเร็จทั้ง 120 คน ก็สามารถเปลี่ยนประธานวุฒิเปลี่ยนอย่างอื่นได้ ซ้ำยังได้รัฐธรรมนูญเป็นของแถม
เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในสภาวันนี้ (14 ก.พ. 68) คงไม่ต่างจากเมื่อวาน คงเปิดประชุมไม่ได้ แต่ถ้าหากเปิดได้ สว. คงโหวตคว่ำ เพราะการแก้รัฐธรรมนูญในรอบนี้ คือ อีเวนต์ สำหรับการตอบโจทย์แฟนคลับให้ฟินจิกหมอนเท่านั้น โดยเพื่อไทยนั้น คงเอาผลมาหาแต้ม ส่วนสีส้มคงได้ใจ เพราะแฟนคลับด่าพรรคเพื่อไทยเรื่องหักหลัง และฝ่ายอนุรักษ์นิยมมีความสุขที่สุด เพราะแก้ไม่ได้
ดังนั้น รัฐธรรมนูญยังคงอยู่ต่อไป ถ้าจะแก้ให้ได้อย่างจริงจัง คงต้องรอให้ พ.ร.บ. ประชามติมีผลบังคับใช้
ทั้งนี้ รศ.ธนพร ยืนยันว่า ยังคงต้องใช้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันไปจนถึงเลือกตั้งปี 70 เพราะ เมื่อ พ.ร.บ. ประชามติมีผลบังคับใช้ อย่างมากที่สุดที่สามารถเกิดขึ้นได้ คือ สสร. ส่วนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้นได้เห็นอยู่แล้วในปี 70