เปิดกำหนดการ รัฐบาลพาสื่อเยี่ยมชาวอุยกูร์ 18-20 มี.ค.68

โดย PPTV Online

เผยแพร่

ในวันที่ 18 – 20 มี.ค.นี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ และ สื่อมวลชน มีกำหนดการเยี่ยม ชาวอุยกูร์ ที่มณฑลซินเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน

โดยผู้เดินทางร่วมกับ คณะ นายภูมิธรรม ประกอบด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะสื่อมวลชน

โดยกำหนดการวันที่ 18 มี.ค.เวลา 23.30 น.คณะจะออกเดินทางจากกองบิน 6 ท่าอากาศยานดอนเมือง ไปยังท่าอากาศยานเมืองคาซือ มณฑลซินเจียง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 ชม. ถึงเมืองคาซือ ในวันที่ 19 มี.ค. เวลาประมาณ 07.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเร็วกว่าเวลาประเทศไทย 1 ชม.

คอนเทนต์แนะนำ
รัฐบาลไทย ยืนยัน จีนดูแลความปลอดภัย 40 อุยกูร์อย่างเต็มที่
“อุยกูร์” คือ ใคร? เหตุใดถึงส่งกลับจีน

อุยกูร์ รายการเที่ยงทันข่าว
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

จากนั้น วันที่ 20 มี.ค. คณะจะเดินทางไปมณฑลซินเจียงที่อยู่ห่างไกล และจะเดินทางไปเยี่ยมชมศูนย์บังคับใช้กฎหมาย และการจัดการคดีของสำนักงานความมั่นคงสาธารณะ ที่เมืองคาซือ มณฑลซินเจียง และจะเดินทางไปที่มัสยิดอิดกะฮ์ (Id Kah) พูดคุยสนทนากับผู้นำศาสนา และร่วมรับประทานอาหารค่ำ กับตัวแทนผู้นำศาสนาในท้องถิ่น

ก่อนที่รองนายกฯ และคณะจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานเมืองคาซือ มณฑลซินเจียง เวลาประมาณ 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น และจะเดินทางถึงประเทศไทย วันที่ 21 มี.ค. เวลาประมาณ 01.00 น. ณ กองบิน 6 ท่าอากาศยานดอนเมือง

ทั้งนี้ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี บอกว่า การเดินทางครั้งนี้ เพื่อทำความจริงให้ปรากฏในข้อกังวลของนานาอารยประเทศ และให้เข้าใจประเทศไทยถึงการแก้ไขปัญหา ซึ่งรัฐบาลไทยดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา และมีข้อตกลงสำคัญต่อรัฐบาลของทั้งสองประเทศ ที่ต้องคืนชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีในยุคโลกปัจจุบัน และมีสิทธิเสรีภาพ ซึ่งถือว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก รวมถึงขั้นตอนการตรวจสอบรายละเอียดนานหลายเดือน ก่อนจะส่งชาวจีนอุยกูร์กลับสู่มาตุภูมิ เพื่อให้มั่นใจว่าการส่งชาวจีนกลับสู่บ้านเกิดจะต้องได้รับความปลอดภัย และเป็นไปตามสิทธิมนุษยชน

การเดินทางครั้งนี้เป็นเพียงครั้งแรก โดยรัฐบาลไทยจะกำหนดการเดินทางเป็นระยะๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับการแก้ไขปัญหาระหว่างประเทศต่อนานาอารยประเทศต่อไป

ขณะที่ นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยัน ไทยตัดสินใจส่งตัวชาวจีนอุยกูร์ 40 คนกลับจีนว่า เป็นการตัดสินใจบนพื้นฐานของมนุษยธรรม และความถูกต้อง บนทางเลือกที่มีไม่มาก ที่แน่นอนว่า ไม่ว่าเลือกทางไหน ก็ต้องมีผลกระทบมหาศาลตามมา ที่เป็นราคาที่เราต้องจ่ายเพื่อสิ่งนั้น นอกจากเสียจากจะเลือกวิธีขังเขาต่อจนตายคาคุกไป อย่างที่หลายคนเลือก

โดยนายรัศน์ ตั้งคำถามว่า กำลังมีการเล่นเกม ในความขัดแย้งของภูมิรัฐศาสตร์ (geo-politics) ของบางประเทศหรือไม่ เนื่องจาก ทุกวันนี้ มีหลายประเทศที่เคยชูเรื่องสิทธิมนุษยชน เผชิญปัญหาผู้อพยบ ก็เริ่มเนรเทศคนเหล่านี้กลับประเทศต้นทาง หลายพื้นที่ยังมีการสู้รบ และอันตรายถึงแก่ชีวิต

การอพยพประเทศที่ 3 ยังไม่ใช่เรื่องสวย มันมีปัญหาเรื่องการปรับตัวให้เข้ากับสภาพสังคมที่แตกต่าง ที่ก็ไม่ได้อยากต้อนรับจริง มีการดูถูกเหยียดหยามเชื้อชาติ ฯลฯ

มีประเทศหนึ่งบอกว่าขออย่าให้ไทยส่งตัวชาวจีนอุยกูร์กลับไปให้จีน แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะรับคนเหล่านั้นไปอยู่ด้วยเอง โดยเสนอว่า จะให้เอาไปอยู่ในประเทศหนึ่งในแอฟริกา (ซึ่งจากข้อมูลที่ปรากฏ ประเทศที่ว่า ยังมีความขัดแย้ง การสู้รบและก่อการร้ายอยู่)

สำหรับการส่งตัวชาวอุยกูร์ 40 คน กลับจีน ของไทย ยืนยันว่า ประการแรกเรื่องการบีบบังคับให้กลับ จากข้อมูลที่ได้จากเจ้าหน้าที่รับผิดชอบดูแลคนเหล่านี้ระหว่างถูกคุมขัง พวกเขามีการ ติดต่อกับญาติพี่น้อง และรับทราบถึงพัฒนาการความเจริญก้าวหน้ากินอยู่ดีของผู้คนในซินเจียงแผ่นดินเกิดของเขา และเมื่อทราบว่า ทางการจีนมีหนังสือรับรองสวัสดิภาพของพวกเขาเป็นทางการ พวกเขาก็เลือกที่จะกลับ อาจดีกว่ารอในห้องขังต่อไปโดยไม่รู้จุดหมาย และต้องไปอยู่ในสังคมที่ไม่ได้ยินดีต้อนรับจริง

ประการที่สอง พวกเขาจะมีภัยอันตรายต่อชีวิตไหมเมื่อกลับไปแล้วนั้น ก็เป็นเรื่องที่จะต้องพิสูจน์โดยมีหลักฐานเชิงวิทยาศาสตร์ต่อไป แต่อย่างน้อยที่สุดประเทศต้นทางได้ให้คำรับรองเป็นทางการที่เขาย่อมมีพันธะที่ต้องปฏิบัติตาม

Bottom-PL-HLW Bottom-PL-HLW

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ