19 มี.ค. 68 นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน เปิดเผยผ่านรายการเปิดโต๊ะข่าว PPTV HD 36 ถึงการซื้อหนี้เพื่อแก้ปัญหาครัวเรือนว่าสามารถทำได้จริงหรือไม่ โดยนางสาวศิริกัญญากล่าวว่า ต้องพิจารณาองค์ประกอบวิธีการแก้หนี้ของนายทักษิณออกเป็นหลายส่วน ทั้งไม่ใช้เงินรัฐเลย ซื้อหนี้ทั้งหมดได้หรือไม่ รวมถึงประชาชนจะดีขึ้นไหม
เรื่องแรก การซื้อหนี้ครั้งนี้น่าจะเป็นการซื้อเฉพาะหนี้เสีย มูลค่า 1.2 ล้านล้านบาท เวลาซื้อหนี้ เช่น หนี้ 100 บาท จะไม่ได้ซื้อราคานี้แต่จะซื้อราคา 30-50 บาท
ดังนั้น เม็ดเงินที่จะต้องใช้อาจเป็นหลักแสนล้าน ถ้าไม่ต้องใช้เงินรัฐบาลเลยจะต้องทำอย่างไร
นางสาวศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ในปัจจุบัน มีบริษัทบริหารสินทรัพย์แบบนี้อยู่แล้ว เป็นบริษัทเอกชนที่แบงก์พาณิชย์จะขายหนี้ไปให้ ซึ่งจะทำอย่างไรให้เขายอมซื้อหนี้ทั้งหมดกว่า 80 แห่งที่มีในตลาดปัจจุบันที่บริหารสินทรัพย์ประมาณ 3 แสนล้านบาทเท่านั้น
ฉะนั้น ถ้าจะซื้อทั้งหมดโดยใช้เงินของบริษัทบริหารสินทรัพย์คงไม่ได้ จึงมี 2 แนวคิดตั้งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์แห่งชาติเพื่อเข้ามาซื้อหรือไม่ ซึ่งก็ยังไม่ใช่คำตอบเพราะใช้ระยะเวลานาน ตนจึงไปค้นดูเพิ่มเติมพบการออกตราสารหนี้ เรียกว่า กู้เงินของประชาชนมาเพื่อไปซื้อหนี้ของประชาชนอีกที โดยการที่จะจ่ายดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนมาจากกระแสเงินที่ลูกหนี้ชำระให้กับประชาชนทั่วไปที่เป็นเจ้าของพันธบัตร
นางสาวศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ทั้งหมดนี้ทำให้เห็นว่ามีความเสี่ยงมหาศาล ตนยังไม่รู้ว่ารายละเอียดจะออกมาอย่างไร ต้องพิจารณา เช่น แทนที่จะออกธนบัตรปกติ นายทักษิณอาจออกเป็นคริปโทที่ใช้หนี้เหล่านี้ไปเป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งจุดจบของสหรัฐฯ ที่เคยทำแบบนี้ พอเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวหนัก ๆ ลูกหนี้เหล่านั้นก็ไม่จ่ายคืนหนี้ ตัวพันธบัตรเลยไม่สามารถจ่ายคืนหนี้ให้เจ้าของธนบัตรได้ คือ ประชาชนทั่วไปรวมถึงสถาบันการเงิน นำไปสู่การล่มสลายของสถาบันการเงินในปี 2008
ทั้งนี้ นางสาวศิริกัญญา มองว่า ต้องดูรายละเอียดว่าจะซื้อออกมาอย่างไร ซื้อเฉพาะหนี้เสียไหม เพราะหนี้ดีแบงก์คงไม่อยากปล่อยออกมา ถ้าเอาออกมาแต่หนี้เสียความเสี่ยงก็จะสูงขึ้น แต่ขึ้นอยู่กับราคาที่จะซื้อด้วย เช่น รัฐบาลช่วยต่อรองจนหนี้ 100 บาทเหลือ 10 บาท โอกาสที่เขาจะไปเอา ไปทวงหนี้ ก็จะมีความเป็นไปได้มากขึ้น แต่รายละเอียดเรายังไม่เห็นอะไรเลย
นางสาวศิริกัญญา กล่าวต่อว่า โครงการที่เคยมีอย่างคุณสู้เราช่วย ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ตอนนี้เรามีโครงการที่จะช่วยคนที่มี NPL อายุไม่เกิน 1 ปี ซึ่งได้ประกาศลงทะเบียนไปแล้ว ปรากฏว่า คนที่ผ่านหลักเกณฑ์มีแค่ 10% ของเป้าหมาย เป็นตัวชี้วัดว่าเราพยายามจะช่วยแล้ว และจะมีคนที่สู้แล้วแต่ยังไม่ได้ช่วยเหมือนกัน เพราะยังไม่ได้เป็น NPL แต่มาลงทะเบียน ทำให้คุณสมบัติไม่ผ่านซึ่งรอบนี้ยังจะมาทำ NPL ในรูปแบบเดิมจึงไม่รู้ว่าจะช่วยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจสักแค่ไหน
ส่วนอีกแนวหนึ่งที่เป็นเรื่องคริปโทซึ่งนายทักษิณพูดถึงบ่อยมาก นางสาวศิริกัญญา มองว่า ไม่ว่าจะเป็นการทำคริปโทแซนด์บ็อกซ์ ที่จะเอาเงินคริปโทมาจ่ายแทนเงินสด หรือ Stable Coin ที่เอาพันธบัตรรัฐบาลมาค้ำประกันตัวโทเคนให้มาเป็น Stable Coin ถ้าเราทำสำเร็จก็จะเป็นประเทศแรกของโลก เป็นทั้งความภาคภูมิใจและน่ากังวลในทางเดียว เพราะถ้าไม่มีรัฐบาลไหนเคยทำมาก่อน แสดงว่ามีปัญหาหรือเปล่า ถือเป็นความทะเยอทะยานที่ตนคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ และทำให้เกิดความปั่นป่วนในตลาดได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า ประชาชนบางกลุ่มที่รู้สึกว่ามันก็เป็นโครงการที่ดี ที่รัฐจะซื้อหนี้เขาออกไป แต่ซื้อแล้วก็ไม่ใช่ว่าไม่ต้องคืน แล้วก็ไม่รู้ว่าจะลดเงินต้นให้หรือไม่ ดังนั้น ประชาชนที่รอการช่วยเหลืออย่าเพิ่งรีบดีใจ เพราะรายละเอียดทั้งหมดยังไม่ปรากฏอีกเยอะว่าคนที่เป็นลูกหนี้ทั้งหมดจะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้อย่างไร และเท่าไหร่
ส่วนคนที่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้แน่ ๆ และอยากเข้าร่วมก็คือ แบงก์พาณิชย์ ซึ่งมีหนี้เสียอยู่เยอะก็จะได้ขายหนี้ตัวเองออกมาได้ง่ายขึ้น เพราะถ้าขายให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ทั่วไปอาจจะลังเล แต่ถ้าบีบคอให้รัฐบาลซื้อหนี้เขาไปแพง ๆ ได้ก็จะได้ประโยชน์เต็ม ๆ กลายเป็นว่า รัฐบาลอาจได้หน้าว่าแก้ปัญหาให้พาณิชย์ได้ระบายหนี้เสีย ส่วนประชาชนยังเป็นคำถามว่าเราจะได้อะไรจากเรื่องนี้ อยู่ที่วิธีการออกแบบว่าจะให้ออกมาเป็นแบบไหน เพื่อไม่ให้เกิดการซ้ำรอยกับประเทศที่เคยเกิดปัญหา
นางสาวศิริกัญญา ทิ้งท้ายว่า ต้องรอดูรายละเอียดอีกครั้ง และหากนายกฯ ไม่ตอบ ก็ต้องคุยกับนายพิชัย หรือนายทักษิณ ว่าสรุปแล้วไอเดียนี้เป็นอย่างไรกันแน่ จะออกเป็นพันธบัตร ตราสาร หรือโทเคน ต้องช่วยกันตั้งกระทู้ถามต่อไป