หลายคนยังตามกันต่อสำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในวันที่ 2 ซึ่งเปิดด้วยประเด็นที่หลายคนจับตาอย่างเรื่อง “ดีลปีศาจชั้น 14” ที่มาพร้อมคำถามว่า สามารถสร้างบาดแผลให้รัฐบาลได้มากน้อยแค่ไหน
นอกจากนี้ บรรดานักวิเคราะห์การเมืองยังเริ่มออกมาให้คะแนนแล้วว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2568 ที่เกิดขึ้นนี้ มีฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านคนใดบ้างที่ทำผลงานได้เข้าตา
ไม่มีหมัดเด็ด แต่เน้นเปิดแผล-ทำให้ช้ำ
คุณสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) มองว่า แม้การอภิปรายวันที่ 2 ตัวแสดงจะเข้มข้นขึ้นทั้ง รังสิมันต์ โรม หรือ ไหม-ศิริกัญญา แต่เท่าที่ดู แม้จะพูดดี แต่ไม่มีข้อมูลใหม่ที่จะเอามาน็อกรัฐบาล ไม่เหมือนตอนสมัยตั๋วช้าง ที่มันมีน้ำหนัก ที่ใหม่ ที่สังคมไม่เคยเห็น
“ถ้าวันนี้โรมเปิดเวชระเบียน มันจะคนละเรื่อง แต่เนื่องจากไม่มี มันเลยไม่มีหมัดเด็ด แต่ก็ไม่ถือว่าเลวร้าย ที่อภิปรายดีสุดคือ ไอติม-พริษฐ์ อภิปรายมีท่วงทำนองมีน้ำหนัก อีกท่านคือ สส.เชียงใหม่ ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ เรื่องฝุ่น PM2.5” คุณสุรนันทน์บอก
ด้าน รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล ผอ.สถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย เสริมว่า ฝ่ายค้านรู้อยู่แล้ว ว่ายังไงน็อกไม่ได้ แต่ถ้าเคยดูมวยสากล ชกกัน 12-15 ยก คนดูอาจจะอยากเห็นนักมวยเดินหน้าฆ่ามัน แต่วิธีต่อยมวยมีอีกวิธี คือต่อยจี้ให้ช้ำ ถ้าแผลเริ่มแตกต้องต่อยซ้ำให้ใหญ่ขึ้น
“พรรคส้มเดินแผนแบบนี้อยู่ เพราะในการจะไปได้เอกสารไม่ใช่เรื่องง่าย เอฟซีส้มในระบบราชการเองก็ต้องระวัง พลาดจะซวย แต่หลังจากนี้ ถ้ารอกฎหมายฉบับหนึ่งออก จะทำให้กรรมาธิการ (กมธ.) ต่าง ๆ มีเรียกเอกสารได้ กฎหมายที่ใช้ทุกวันนี้ทำให้ กมธ. ไม่มีน้ำยาอะไร ขอเอกสารไปเขาอาจจะไม่ให้ แต่กฎหมายใหม่จะทำให้เข้าถึงข้อมูลง่ายขึ้น” อาจารย์ธนพรบอก
เขาเสริมว่า เมื่อแผนชกของพรรคประชาชนเป็นแบบนี้ ความสะใจจะไม่เห็น แต่สิ่งที่เห็นคือ เห็นข้อบกพร่องของนายกฯ แพทองธาร “คือไม่ถึงกับน็อก แต่เปิดแผลไปเรื่อย ๆ จบยกไหนช่างมัน ให้บาดเจ็บมากสุด พรรคส้มต้องการให้เกิดสภาพนี้ ให้นายกช้ำ ศึกเลือกตั้งใหญ่ปี 2570 จะได้ขายไม่ได้”
ให้ “พิชัย-ภูมิธรรม” คะแนนเต็ม นายกฯ สอบตก
อาจารย์ธนพรบอกว่า ผลงานของนายกฯ ในการตอบคำถามนั้น นอกจากเรื่องฟาดลุงป้อมที่ยกนาฬิกามาดู พอถึงจุดต้องตอบเนื้อหา เช่นเรื่องฝ่น PM2.5 เอาตรง ๆ เทียบ คุณพิชัย ชุณหวิชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือคุณภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่ได้เลย
“คิดว่านายกฯ ไม่ได้แสดงให้เห็นว่ามีความเข้าใจในงานที่ท่านทำ ส่วนคุณภูมิธรรมนี่ยืนหนึ่งเลย ในการตอบเรื่องอุยกูร์ คุณภูมิธรรมเหมือนนักมวยไทย หมัดเท้าเข่าศอกครบ” อาจารย์ธนพรกล่าว
คุณสุรนันทน์เสริมว่า “คุณภูมิธรรมกับคุณพิชัยมีความเก๋า คุณภูมิธรรมอยู่การเมืองมานาน แต่วิธีการตอบ ไม่คิดว่าจะตอบดุดันขนาดนี้ ส่วนคุณพิชัย ช่วงสมัยอดีตนายกฯ เศรษฐา อาจยังไม่เข้าที่เข้าทาง แต่ตอนนี้มีทีมเศรษฐกิจ เข้าใจงานคลังเต็มที่แล้ว ทำให้ตอบได้ดี”
ส่วนนายกฯ แพทองธารนั้น คุณสุรนันทน์มองว่าผลงานไม่ดี โดยวิจารณืแรงสั้น ๆ ว่า “ไม่เข้าใจสักเรื่อง”
อาจารย์ธรพรขยายความว่า เข้าใจว่านายกฯ จะรู้ทุกเรื่องถ่องแท้ก็คงไม่ได้ แต่อย่างน้อยต้องเข้าใจ ตัวอย่างที่ดี คือคุณพิชัย ที่อธิบายด้วยความเข้าใจ ไม่ใช่แค่กระทรวงตัวเอง แต่อ้างอิงจัวเลขไปถึงกระทรวงพาณิชย์หรือกระทรวงเกษตรฯ ได้ อธิบายแบบคนเข้าใจ
“ส่วนนายกฯ เห็นชัดคือเรื่องฝุ่น PM2.5 ที่สะท้อนว่าท่านไม่เข้าใจอะไรเลย หรือพอมาเรื่องที่เราเห็นว่านายใหญ่คงแนะนำให้ตอบ คือเรื่องภาษี ปรากฏว่าแพตเทิร์นการตอบเหมือนพ่อ อ้างว่าไม่ผิดกฎหมาย แขวะคนอื่นว่าจ่ายภาษีเยอะกว่า ตรรกะเดิม” นักวิเคราะห์การเมืองบอก
อาจารย์ธนพรเสริมว่า การตอบลักษณะดังกล่าวทำให้ “ดูเป็นคนไม่ถ่อมตน สังคมไทยชอบคนถ่อมตน” นอกจากนี้ การตอบที่ไม่เด็ดขาด ยังกลายเป็นทำให้สังคมเชื่อว่าที่นายกฯ ไม่พูด ชี้แจงไม่ขาด เพราะซุกอะไรไว้จริง
“วันนี้นายกใช้แผนตัดเกมฝ่ายค้าน แต่เมื่อตัดเกมแล้ว จะเพิ่มแต้มยังไงก็สำคัญ ประเด็น PM2.5 ถือว่านายกฯ ล้มเหลวมาก พรีเซนต์ของเด็กมัธยมยังนำเสนอได้ดีกว่านายก ให้ลองไปหาดูในยูทูบ หรือดู สส.ดูภัทรพงษ์ ... และหนักกว่านั้นคือเรื่องคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งถือเป้นผลงานเด่น แต่กลับพูดทำแต้มไม่ได้ ตอบยังไงไม่รู้ให้เจ๊งหนักกว่าเดิม” อาจารย์ธนพรกล่าว
คุณสุรนันทน์มองว่า สิ่งที่ฝ่ายค้านทำสำเร็จแล้วในวันนี้ คือการทำให้นายกไม่น่าเชื่อถือ ถ้านายกฯ ตอบทุกเรื่อง เรื่องละ 5 นาทีก็ได้ ตอบฉะฉาน แล้วโยนคนอื่นพูดต่อ จะลอยลำเลย แต่วันนี้ใช้วิธีการโต้คืน และยังไม่ชัดเรื่องตัวเอง ทำให้ฝ่ายค้านดิสเครดิตนายกฯ ได้ตามเป้า
“นายกฯ จะบอกว่าเป็นคนพูดตรง ๆ ก็ได้ แต่ต้องได้เป้าด้วย หลายเรื่องอาจจะจริงใจ แต่ต้องพิสูจน์ด้วยว่าไม่ผิดเพราะอะไร ... ในการสร้างทุนทางการเมืองของนายกฯ ต้องบอกว่าไม่ได้ใช้โอกาสนี้ในสร้างทุนทางการเมืองให้ตัวเอง ส่วนฝ่ายค้านทรงตัว คนที่สร้างฐานการเมืองดีที่สุดคือ คุณภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาคนที่ 2 ใช้โอกาสออกทีวีที่คนครึ่งประเทศดูแล้วสร้างตัวเองขึ้นมาได้ นายกฯ ทำไม่ได้” คุณสุรนันทน์บอก
เขาเสริมว่า “นายกฯ คืนนี้ควรขึ้นพูดอีกครั้ง ขอบคุณดี ๆ มีแนวอยู่แล้ว เรื่องไหนที่ค้านอภิปรายมาจะไปตรวจสอบ เรื่องไหนที่มั่นใจว่าทำถูกจะไปเอาหลักฐานมาให้ดู ต้องวิธีนี้”
เรื่องชั้น 14 สังคมเชื่อไปแล้ว แก้ยังไงก็ไร้ผล
ในส่วนประเด็นดีลปีศาจที่ รังสิมันต์ โรม อภิปรายนั้น อาจารย์ธนพรบอกว่า สังคมไทยเชื่อไปหมดแล้ว ว่านายใหญ่รกลับมาเพื่อฆ่าส้ม เลยได้โอกาสและสิทธิพิเศษต่าง ๆ ความจริงจะเป็นอย่างนี้หรือไม่ไม่สำคัญ เพราะ “คนไทยเชื่อไปหมดแล้ว”
“เรียนตามตรง ความจริงเรื่องนี้ จะเวชระเบียนอะไรก็ว่าไป แต่ที่เหนือกว่าความจริงในทางเอกสาร คือความจริงในดีเอ็นเอของผู้คนในสังคม ความเชื่อกลายเป็นความจริงไปแล้ว ไม่มีทางจะแก้ได้ เพราะคนเชื่อไปแล้ว” อาจารย์ธนพรบอก
นักวิเคราะห์เสริมว่า อดีตนายกฯ หลายท่าน เช่น พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกฯ ในช่วงต้มยำกุ้ง ทำให้สังคมไทยเชื่อว่าท่านเป็นนายที่ทำให้ประเทศอยู่ในวิกฤต “ซึ่งจนถึงวันนี้สิ่งนี้ยังติดตัวท่าน นี่คือความเชื่อคือความจริง เรื่องชั้น 14 เหมือนกัน ข้อเท็จจริงอะไรก็ตาม ไม่มีความจำเป็นแล้ว เพราะคนไทยเชื่อสนิทใจไปแล้ว”
อาจารย์กล่าวว่า “แล้วคาถาที่ท่องมาว่า ‘ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบ’ มันสวนทางกับข้อเท็จจริงที่เห็น เช่น แพทย์วินิจฉัยส่งโรงพยาบาลตำรวจเสร็จใน 4 นาที อยู่เรือนจำไม่กี่ชั่วโมง มันไม่มีเหตุผลมาอธิบายโต้แย้งความเชื่อคนได้”
- คอนเทนต์พิเศษ
สำหรับคุณ - TOP การเมือง
- วิดีโอยอดนิยม
