วันที่ 27 เม.ย.2568 พรรคประชาชนจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2568 มีกรรมการบริหารพรรค ส.ส. และสมาชิกพรรคร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยมีวาระสำคัญหลายเรื่อง เช่น การดำเนินกิจการของพรรตั้คการเมืองในรอบปี 2567 ,รายงานงบการเงิน และการแก้ข้อบังคับพรรค โดยมีนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน เป็นประธาน เป้าหมายของการพูดคุยนั้น นอกจากจะมีเรื่องการบริหารภายในพรรค จะมีการพูดคุยถึงการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งในครั้งหน้าด้วย
โดยนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าหากมองโจทย์ของประเทศ คงไม่ได้หมายถึงว่า ต้องการชนะการเลือกตั้งอย่างเดียว แต่ต้องการสร้างรัฐบาลที่ดีที่สุด โดยเตรียมนำเสนอนโยบายในอนาคต ประกอบด้วย 3 เสา คือการเมือง ปฏิรูประบบราชการ และเศรษฐกิจ ซึ่งจะถือว่า จะเป็นความหวังให้กับประชาชนได้คือ นโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งเคยเป็นจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย แต่ก็พิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถสร้างทางออกให้กับประชาชนได้
เมื่อถามถึงกรณีที่บางกลุ่ม คาดหมายว่าในการเลือกตั้งรอบหน้าพรรคสีแดงก็จะมาจับมือกับพรรคสีส้ม นายณัฐพงษ์ย้ำว่า ได้พูดไว้ชัดเจนแล้วว่า การจัดตั้งรัฐบาลแบบที่เป็นอยู่ พรรคประชาชนไม่สามารถเข้าร่วมได้ เพราะไม่ได้นำประชาชนมาเป็นศูนย์กลางในสมการการตัดสินใจ และไม่สามารถแก้ไขปัญหาใดๆ ได้เลย ซึ่งสิ่งที่สื่อสารมาโดยตลอด ว่าถ้าพรรคเพื่อไทยจะสามารถรวมกับเราได้ ก็อาจจะต้องมีเงื่อนไขบางอย่าง เช่น อาจต้องสื่อสารกับประชาชนว่า การกระทำที่ผ่านมานั้นทำผิดกับประชาชนจริงๆ
พร้อมย้ำว่า พรรคประชาชนให้ความสำคัญในตอนนี้คือ การทำงานความคิด หาทางให้ประชาชนเป็นหลัก ส่วนผลออกมาเป็นอย่างไร จะจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่อย่างไร ยืนยันว่า จุดยืนของพรรคประชาชนคือ เสนอกับพี่น้องประชาชนว่าอย่างไรก่อนเลือกตั้ง หลังเลือกตั้งก็จะยืนยันแบบเดิม ไม่กลับไปกลับมา ว่าหาเสียงไว้แบบหนึ่งทำแบบหนึ่งแน่นอน
เมื่อถามย้ำว่า หมายถึงพรรคประชาชนไม่ได้ปิดประตูตายในการจับมือกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ใช่หรือไม่ หากต่างฝ่ายต่างมีเงื่อนไขในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน นายณัฐพงษ์ ตอบว่า เป้าหมายที่ต้องการไม่ใช่แค่ชนะการเลือกตั้ง แต่ต้องหาทางออกให้ประเทศได้ หากวันนี้ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชน สื่อสารไปแล้วว่า มีเงื่อนไขใดที่ทำให้จัดตั้งรัฐบาลกับพรรคใดไม่ได้ ซึ่งสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงตลอด และเงื่อนไขที่ตนตั้งไว้ล่วงหน้า อาจจะยังถูกตั้งคำถามได้ในอนาคต อาจเป็นการปิดประตูให้กับประเทศหรือไม่
ดังนั้นสิ่งที่สื่อสารมาตลอดว่า ต้องการหาทางออกให้กับประเทศ เพราะฉะนั้นเงื่อนไขในการจับหรือไม่จับมือกับพรรคใด ควรจะต้องไปหารือในช่วงใกล้ๆ การเลือกตั้ง แล้วก็อาจจะไม่ยุติธรรมที่จะมาถามพรรคประชาชนฝ่ายเดียว เพราะในความเป็นจริงคนที่ตั้งเงื่อนไขกับก็อาจจะเป็นพรรคอื่นๆ ด้วย จึงอยากให้ตั้งคำถามกับพวกเขาด้วยเช่นเดียวกัน
ส่วนจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ในสมัยหน้าหรือไม่นั้น นายณัฐพงษ์ มองว่า ก็อยู่ที่ความไว้วางใจของประชาชน ซึ่งสะท้อนผ่านการทำงานของพวกเราด้วย วันนี้ในการประชุมใหญ่เราได้มีการพูดคุยกันหลายเรื่อง ทั้งการปรับข้อบังคับพรรค การควบคุมวินัย ทำอย่างไรให้ประชาชนเห็นว่าสามารถฝากผีฝากไข้ ฝากความมั่นใจกับตัวแทนของพรรคประชาชนได้ เชื่อว่าถ้าเราทำงานอย่างดีเพียงพอแก้ไขปัญหาที่ผ่านมาในพรรค จะสะท้อนถึงคะแนนที่จะได้รับในอนาคต และหากคะแนนถึงในการเลือกตั้งเราก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้