สมรภูมิทางนิติสงครามที่ ‘ตระกูลชินวัตร’ กำลังเผชิญอยู่ ณ ขณะนี้ ที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในคดีการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) จำนวน 10,028 ล้านบาท ตามมาด้วยวันที่ 13 มิถุนายนนี้ จะมีอีกคดีใหญ่ที่ต้องติดตาม นั่นคือคดีชั้น 14 ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ก็ต้องรอลุ้นกันว่าวันที่ศาลนัดไต่สวน จะสั่งคดีเลยหรือไม่ รวมถึงโอกาสที่นางสาวยิ่งลักษณ์ จะกลับบ้านเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน
รศ. ธนพร ศรียากูล นักวิเคราะห์การเมือง และ รศ. ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นนี้กับ PPTV ในรายการคุยข้ามช็อต Exclusive Talk
‘ยิ่งลักษณ์’ มีสิทธิ์ต่อสู้คดีจำนำข้าว
รศ. ยุทธพร กล่าวว่า คดีจำนำข้าวเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื้องด้วยคดีปกครอง ชดใช้ค่าความเสียหายให้กับรัฐ เนื่องมาจากกระทรวงการคลังมีหนังสือให้นางสาวยิ่งลักษณ์ชดใช้ 35,000 ล้าน แต่ศาลปกครองชั้นต้นกลับเพิกถอน จนมาถึงศาลปกครองสูงสุด บอกว่าแก้จาก 35,000 ล้าน ให้เหลือ 10,028 ล้าน ตรงนี้คือกระบวนการชดใช้ความเสียหาย ส่วนคดีอาญาอยู่ในศาลฎีกาซึ่งตัดสินไปแล้วให้จำคุก 5 ปี เหลือแค่ชั้นบังคับคดีเท่านั้น
แน่นอนพอเป็นคดีแพ่งเป็นการชดใช้ คู่ความอย่างนางสาวยิ่งลักษณ์ก็มีข้อต่อสู้ได้ว่า กระบวนการที่เอาข้าวจำนวนหนึ่งไประบายแล้ว ทำให้บรรเทาเบาบางหรือทุเลาความเสียหายลง เพราะฉะนั้นสามารถขอให้จำนวนที่ต้องจ่ายลดลง แต่เมื่อยื่นไปแล้วศาลจะรับไหม นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
หากศาลรับ ก็ต้องดูต่อว่าศาลจะมีกระบวนการพิจารณาหรือไม่ว่า ถ้าเป็นการชดใช้ความเสียหาย ความเสียหายนั้นลดลงหรือไม่ ถ้าลดลงหรือถูกบรรเทาลง ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าโทษที่ได้รับจะลดลง
‘ยิ่งลักษณ์’ กลับบ้านยาก หากไม่อยากติดคุก
รศ. ยุทธพร กล่าวว่า เรื่องของการกลับประเทศไทย จะเป็นอีกหนึ่งเงื่อนไขที่ทำให้นางสาวยิ่งลักษณ์กลับยาก เงื่อนไขเดิมคือคดีอาญา โทษจำคุก 5 ปี พอมาถึงเรื่องที่ต้องชดใช้ทางแพ่ง ยิ่งเป็นเหตุอีกว่าหากนางสาวยิ่งลักษณ์กลับมา แน่นอนว่าการทวงถามการชดใช้นี้จะเกิดขึ้น ถือเป็นโจทย์ที่เพิ่มมาอีกข้อหนึ่ง แต่ไม่ง่าย
หากนางสาวยิ่งลักษณ์จะกลับมาประเทศไทย อาจต้องเป็นเหตุในการบรรเทาโทษ หรือเข้าเงื่อนไขของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งขณะนี้อายุนางสาวยิ่งลักษณ์ก็ยังไม่เข้าเกณฑ์ราชทัณฑ์ที่จะต้องรักษาพยาบาลได้เมื่อเจ็บป่วยหรือควบคุมนอกเรือนจำ ทำให้ยังไม่เข้าเงื่อนไข นับเป็นสิ่งที่ไม่ง่ายสำหรับนางสาวยิ่งลักษณ์หากไม่ต้องการกลับมารับโทษจำคุก
รศ. ยุทธพร กล่าวต่อว่า การยอมเสียหมื่นล้านนั้นไม่ง่าย นางสาวยิ่งลักษณ์ยังบอกเองว่าหมื่นกว่าล้านหามาทั้งชีวิตยังใช้ไม่ได้
ด้าน รศ. ธนพร กล่าวว่า ข้อเท็จจริงของนางสาวยิ่งลักษณ์คือ สามารถกลับบ้านได้จริง ๆ เข้ามาติดคุกติดตาราง แต่คำถามคือกลับมาแล้วจะกลับมาเดินแบบสบาย ๆ เหมือนพี่ชายได้อยู่หรือไม่ ซึ่งส่วนตัวมองว่าไม่ได้แล้ว
รศ. ธนพร กล่าวต่อว่า ยิ่งกว่านั้นคือไม่ใช่แค่เรื่องทรัพย์ แต่จะถูกตอกย้ำแบรนด์ว่าพรรคเพื่อไทยและเครือข่ายนายใหญ่และตระกูลชินวัตรคือขี้โกงทั้งตระกูล จะถูกบอกเล่าซ้ำไปจนกว่าจะเลือกตั้ง
ฟาด ‘เพื่อไทย’ ใช้อำนาจในมือ อย่าเห่าอย่างเดียว
รศ. ธนพร กล่าวว่า ที่นางสาวยิ่งลักษณ์บอกว่าทำไมรัฐบาลที่ผ่านมาไม่ถูกตรวจสอบเรื่องข่าว คำถามคือวันนี้คนที่นั่งกระทรวงพาณิชย์ก็เป็นพรรคเพื่อไทยไม่ใช่หรือ เอกสารระบายข้าวของ ‘ลุงตู่’ ก็มีอยู่ ให้ตั้งทีมไปคุ้ย ถ้าเจอว่าโกงก็แจ้งความจับ ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร ทุกคนอยู่ภายใต้กลไกเดียวกัน
พรรคเพื่อไทยอย่าเห่าอย่างเดียว แอกชันบ้าง ถ้าคิดว่าคุณถูกกระทืบ วันนี้อำนาจอยู่ในมือคุณ คสช. ทำอะไรไม่ดีในกระทรวงพาณิชย์ เอกสารมี พยานมี โรงสียังอยู่ ผู้ส่งออกก็ยังอยู่ ทำไมจะสอบไม่ได้ ลงมือหน่อยสิโว้ย เราก็อยากได้ความจริง วันนี้คุณมีโอกาสกระทืบเขา ทำไมคุณไม่ทำ
รศ. ธนพร ย้ำว่า หากออกมาเทกแอกชัน ตนจะเป็นคนหนึ่งที่สนับสนุนเรื่องนี้
‘ยุทธพร’ เชื่อปีนี้ไม่ยุบสภา ‘ธนพร’ ลั่น ‘ชินวัตร Never Die’
รศ. ยุทธพร กล่าวว่า หากมองบนกระดานการเมือง ก็มีการเชื่อมโยงว่าเมื่อดูแล้วทำไมมีแต่คนที่เกี่ยวข้องกับตระกูลชินวัตร หรือแม้กระทั่งการจับแพะชนแกะว่าทำไมเหตุการณ์เหล่านี้ถึงเกิดขึ้นพร้อมกันตั้งแต่ชั้น 14 แพทยสภา คดีจำนำข้าว เหล่านี้ แน่นอนว่าเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น กระทั่งบางคนบอกดีลล่ม หมดเวลาแล้ว ก็มี
สำหรับคดีชั้น 14 ในวันที่ 13 มิถุนายนนี้ เชื่อว่าศาลยังไม่มีคำสั่งออกมาให้จำคุกหรือเป็นลบต่อนายทักษิณขนาดนั้น อาจมีคำสั่งลักษณะบรรดาหลักฐานหรือการทำคำชี้แจงว่ามีมูลต้องเพิ่มไหม หรือมีมูลเดินต่อ หรือไม่เดินต่อ รวมถึงข้อต่อสู้กฎหมายราชทัณฑ์ต่าง ๆ อีก
แต่แน่นอนว่ากระแสการเมืองต่าง ๆ นั้นเชื่อมโยงกันได้ หรืออาจมองว่าเป็นสิ่งที่ทำให้นายทักษิณ รัฐบาล หรือนายกฯ ไปต่อได้ยากแล้ว
รศ. ยุทธพร กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีการยุบสภาในปี 2568 นี้นั้นมองว่าเกิดขึ้นได้ยาก เพราะขณะนี้กำลังจะเข้าสู่การพิจารณางบประมาณ วาระแรกปลายเดือนนี้ กว่าจะสิ้นสุดไปถึงช่วงกันยายน - พฤศจิกายน รวมถึงมีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการประจำช่วงกันยายน - ตุลาคม ซึ่งเป็น 2 ปัจจัยสำคัญในการเข้าสู่การเลือกตั้งครั้งหน้า ส่วนถ้ามีการเปลี่ยนแปลงเชื่อว่าเป็นปี 2569
ด้าน รศ. ธนพร กล่าวว่า ชินวัตร Never Die นายน้อยไม่ใช่ชินวัตรคนสุดท้าย เอม พินทองทา ก็อยู่ ต่อไปเราอาจมีนายกฯ ชื่อ พานทองแท้ ก็ได้ ลูกเขยเขาก็มี ที่พูดไม่ได้อวย แต่พูดตามข้อเท็จจริง ถ้าจะมีอันเป็นไปทางการเมือง 1 คน ก็ยังเหลืออีก 2 คน ลูกแต่ละคนก็มีคู่สมรส เป็นสูตรเดียวกับ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ส่วนเขาจะตัดสินใจอย่างไรอย่าเพิ่งไปบอกว่าพวกนี้ไม่อยากเล่นการเมือง
- คอนเทนต์พิเศษ
สำหรับคุณ - TOP การเมือง
- วิดีโอยอดนิยม
