ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาแก้คำวินิจฉัยของศาลปกครองกลาง สั่งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ความเสียหายจากโครงการระบายข้าว หรือ จีทูจี จำนวน 10,028 ล้านบาทนั้น คำพิพากษาเป็นไปตามมติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด 56 คน
ในจำนวนนี้มีตุลาการเสียงข้างน้อย 5 คน มีความเห็นต่าง โดยตุลาการ 4 เสียง มีความเห็นว่า ควรพิพากษายืนตามศาลปกครองกลาง คือ การเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายในคดีจำนำข้าว
เนื่องจากเห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ส่งหนังสือของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ที่ตรวจสอบพบว่าโครงการรับจำนำข้าวมีปัญหาทุจริต ส่งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในขณะนั้น ไปดำเนินการแก้ไขปัญหาแล้ว ดังนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงไม่สมควรที่จะต้องเป็นผู้รับผิดในโครงการดังกล่าว
ขณะที่ตุลาการอีก 1 เสียง เห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ควรรับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมทดแทน แต่ควรรับผิดชอบในอัตราร้อยละ 20 ของความเสียหาย หลังจากหักความผิด หรือความบกพร่องของหน่วยงานรัฐ หรือระบบการดำเนินงานส่วนรวม ออกจากระบบระบายข้าว
ที่ต้องตามต่อหลังจากนี้ คือ นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมนำหลักฐานระบายข้าวมูลค่าแสนล้าน ยื่นศาลปกครองตั้งคดีใหม่ เพื่อหักล้างค่าเสียหาย
โดย นายนรวิชญ์ ระบุว่า หลังจากนี้ทีมทนายความเตรียมยื่นหลักฐาน โดยเป็นเอกสารทางราชการ ซึ่งเป็นเอกสารรายได้จากการระบายข้าวในโกดัง ตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งในขณะนั้นมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี จนถึงรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งมีนายภูมิธรรม เวชยชัย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รวมมูลค่าที่มีการระบายข้าวแล้วนั้นกว่าแสนล้านบาท เพื่อให้ศาลตั้งคดีใหม่ ซึ่งเชื่อว่า จะหักลบกลบหนี้ได้ และอาจทำให้นางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ต้องชดใช้หนี้ในส่วนนี้ แต่ถ้าหากศาลไม่รับพิจารณา ก็ต้องยืน ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด นางสาวยิ่งลักษณ์ต้องชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด 10,028 ล้านบาท
นายนรวิชญ์ ยืนยันด้วยว่าการระบายข้าวล็อตสุดท้ายในโกดัง ซึ่งเกิดในช่วงที่นายภูมิธรรม เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไม่ได้เป็นการปูทาง เพื่อที่จะทำให้นางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย แต่เป็นนโยบายของรัฐบาล หากมีข้าวคงเหลือก็จำเป็นต้องขาย และมีการขายมาตั้งแต่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ เรื่อยมาจนถึงรัฐบาลของนายเศรษฐา พร้อมย้ำว่า เป็นการขายปกติของส่วนราชการ แต่บางรัฐบาลข้าวดีไปจัดเกรดเป็นข้าวเน่า และขายข้าวได้ราคากิโลกรัมละ 3 -5 บาท แต่ในยุคของนายภูมิธรรม ข้าวขายได้ราคาดี กิโลกรัมละ 18 บาท
นายนรวิชญ์ ระบุอีกว่า คดีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับกระแสข่าวที่นางสาวยิ่งลักษณ์ จะเดินทางกลับประเทศไทยหรือไม่ เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีแพ่ง ทั้งนี้ภายหลังฟังคำพิพากษาแล้ว ยังไม่ได้คุยกัน แต่มีผู้ใหญ่ขอให้ช่วยดูคดีนี้อย่างเต็มที่
ขณะเดียวกันนายนรวิชญ์ ยังขออย่านำ ประเด็นนี้ไปกล่าวร้าย ใส่ร้าย นางสาวยิ่งลักษณ์เพราะตนรู้สึกสงสารท่าน ที่โดนคดีอาญา และคดีดังกล่าวที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายกว่า 10,000 ล้าน พร้อมย้ำว่า ทีมทนายความพร้อมจะสู้คดีให้กับนางสาวยิ่งลักษณ์ หากมีช่องทาง ทางกฎหมาย เพื่อคืนความเป็นธรรม