การจัดการข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ในขณะนี้ ซึ่งหลายฝ่ายก็มองว่า ฝ่ายรัฐบาลที่เป็นฝ่ายการเมือง กับฝ่ายทหารจึงดูไปคนละทิศละทาง ขณะที่รัฐบาลพยามสื่อสารว่าเน้นสันติภาพแต่กองทัพก็ออกมาแสดงแสนยานุภาพไม่พัก
ล่าสุด พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ให้สัมภาษณ์ในรายการเปิดโต๊ะข่าว บอกว่า ส่วนตัวในฐานนะที่อดีตรองเลขาธิการ สมช. รู้สึกท้อแท้ กับรัฐบาลเช่นกัน ที่เคลื่อนไหวและตอบโต้ต่อสถานการณ์ข้อพิพาทไทย-กัมพูชานี้ช้าเกินไป ซึ่งผ่านมากว่า 10 วันแล้ว เพิ่งมานัดประชุม สมช.
การนัดประชุมสมช.ช้า ส่งผลเสียอย่างมากและทำให้ไทยเสียเปรียบกัมพูชาอย่างยับเยินโดยเฉพาะการข่าว ที่รัฐบาลไทยนิ่งเกินไป ไม่สื่อสารไปสู่นานาชาติ ปล่อยให้กัมพูชาใช้สำนักข่าวต่างประเทศสื่อสารไปสู่สายตาโลก ว่าไทยรุกรานรังแก และยิงก่อนอยู่ได้
พล.ท.พงศกร บอกว่า ภาษาการทูต ภาษาระหว่างประเทศ หรือภาษากฎกหมาย นิ่ง เท่ากับยอมรับข้อกล่าวหาที่ กัมพูชากล่าวหาไทย
"เราต้องเข้าใจว่า เราไม่ได้สู้กับกัมพูชาแต่เรากำลังจะแสดงให้ชาวโลกเห็นว่ากัมพูชารังแกเรา ที่เขาออกข่าวว่าเรารุกรานเขา เรายิงเขาก่อน ออกข่าวเต็มไปหมดเลย แล้วเราไม่มีคำตอบเลย เรานิ่ง ถ้านิ่งภาษาการฑูต หรือระหว่างประเทศ ภาษากฎกหมาย คือ นิ่ง เท่ากับยอมรับ คือตอนนี้สิ่งที่เป็นคือ เรายอมรับเรารุกรานกัมพูชา เรายอมรับ เรายิงเขาก่อน อ้าวกองทัพบกเขาแถลงนี่ กองทัพบกเป็นแค่ส่วนหนึ่ง ไม่ใช่รัฐบาล ไม่ใช่ผู้นำข่าวนี้เขาไม่ทำหรอกข่าวทหาร คือพวก ข่าวต่างประเทศเขาเป็นสากลเขาเป็นฝรั่ง เขาไม่มองกองทัพ เขาถือเป็นกลไกเล็กๆ เขาจะมองรัฐบาลเป็นหลัก แต่รัฐบาลไม่พูดเลย นี่เป็นปัญหาหลักที่เป็นเรื่องใหญ่มาก ซึ่งไม่รู้จะช่วยอย่างไร"
พล.ท.พงศกร บอกอีกว่าความนิ่งของรัฐบาล ทำให้กองทัพทนไม่ไหว เสนอมาตรตอบโต้ไป รัฐบาลก็ไม่ตอบรับทำเอาชายชาติทหารรับไม่ได้ ที่ไทยถูกมองว่าอ่อนข้อ ยอมให้กัมพูชากดหัว จึงต้องออกมาแสดงแสนยานุภาพ ตอบโต้กลับไปยังกัมพูชาเอง ซึ่งเรื่องนี้ไม่เป็นผลดี การออกมาตอบโต้ของทหารที่ไม่สอดคล้องกับ สิ่งที่รัฐบาลพูด ทำให้ชาวโลกมองว่าไทยเราพร้อมรุกรานกัมพูชา
พล.ท.พงศกร มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผิดจังหวะยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี ยุทธการ ไม่ไปด้วยกัน สิ่งที่ควรจะเป็นคือ รัฐบาลสื่อสารต่อชาวโลก ว่ากัมพูชามีท่าทีที่จะรุกรานไทยก่อน เมื่อเป็นข่าวแล้ว กองทัพค่อยออกมาแสดงท่าที ว่า ถ้าถูกกัมพูชารุกรานก่อน เราก็พร้อมรบ ไม่ใช่เคลื่อนไหวไปคนละทิศทางแบบนี้
“เราให้กองทัพแสดงแสนยานุภาพตอนนี้ผิด เพราะว่าอะไร เราเตรียมรุกรานกัมพูชาใช่มั้ย เราก็ต้องเปลี่ยนสิเขาบอกจะมีการซ้อมรบจริงๆใช่มั้ย เราไม่ต้องไปบอกว่าเราพร้อมรบกับคุณหรอก เราควรบอกว่าคุณตั้งใจจะรุกราน คุกคามเราหรือ สิ่งเหล่านี้ รัฐบาลต้องปล่อยออกไปก่อน แล้วกองทัพเรือค่อยออกมาบอกว่า โอ้ ถ้าเขาจะรุกราน ผมพร้อมครับ ค่อยออกมาทีหลัง แต่ไม่ใช่กองทัพออกไปก่อนไง”
พล.ท.พงศกร บอกว่า ความสัมพันธ์ส่วนตัวของฮุนเซน กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ อาจจะมองว่าเป็นจุดแข็ง ถึงขนาดออกมาบอกว่า เคลียร์ได้ คุยได้ ถ้าเรื่องนี้ เป็นเรื่องธุรกิจก็อาจจะคุยกันได้ตามนั้น แต่นี่เป็นเรื่องชาติ เรื่องอธิปไตย ความสัมพันธ์ส่วนตัวแบบนี้คือจุดอ่อน ซึ่งฮุนเซนก็มองแบบนี้