ช่วงค่ำวันที่ 2 สิงหาคม 2568 บรรยากาศบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเต็มไปด้วยประชาชนจำนวนมากที่ร่วมกันเดินทางมาเข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่ม “รวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย” ซึ่งจัดกิจกรรมเพื่อแสดงพลังห่วงใยต่อสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในแนวหน้า ซึ่งพื้นที่โดยรอบถนนทั้ง 6 เลนโดยรอบอนุสาวรีย์ชัยฯ แน่นขนัดไปด้วยมวลชนที่ร่วมกันแสดงพลัง
พร้อมกันนี้ แกนนำได้จัดกิจกรรมยืนเคารพธงชาติและสงบนิ่งไว้อาลัยให้กับทหารไทยที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะบริเวณชายแดน ก่อนจะทยอยขึ้นเวทีปราศรัย โดยมีประชาชนฟังอย่างตั้งใจท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
แกนนำกลุ่มได้ยื่นข้อเรียกร้อง 3 ข้อสำคัญต่อรัฐบาล ได้แก่
1. เรียกร้องให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทันที
2. เรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวออกจากการร่วมบริหารประเทศ
3. เรียกร้องให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแสดงจุดยืนชัดเจนในการปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติอย่างเด็ดขาด
จากนั้นเวทีปราศรัยยังคงดำเนินต่อเนื่อง โดยมีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ขึ้นเวทีปราศรัยปิดท้ายในเวลา 21.00 น. พร้อมประกาศว่า จะมีการแถลงทิศทางการเคลื่อนไหวของกลุ่มในลำดับถัดไป
ขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวด้านมนุษยธรรมก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมหลักในการชุมนุมครั้งนี้ โดยมีประชาชนจำนวนมากนำสิ่งของ เช่น น้ำดื่ม ยารักษาโรค เวชภัณฑ์ และอาหารแห้ง มาร่วมบริจาคให้แก่ทหารและประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ชายแดน โดยรถบรรทุกคันแรกได้ออกเดินทางจากอนุสาวรีย์ชัยฯ ในเวลา 18.00 น. และคันที่สองเดินทางออกในเวลา 21.00 น. เพื่อส่งมอบสิ่งของต่อแม่ทัพภาคที่ 2 และหน่วยงานในพื้นที่
การชุมนุมเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อยภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครจากหลายเครือข่าย โดยประชาชนยังคงทยอยเข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง จนถึงช่วงค่ำ
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความห่วงใยในสถานการณ์ชายแดน แต่ยังส่งสัญญาณแรงกดดันทางการเมืองถึงรัฐบาลชุดปัจจุบัน โดยเฉพาะในบริบทที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงและอธิปไตยของชาติ
โดยแกนนำบนเวทีสิ้นสุดการปราศรัย เมื่อเวลา 21.45 น. ได้มีการแสดงดนตรีสด โดยผู้ร่วมชุมนุมต่างพากันโบกธงชาติไทย และร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี จากนั้นผู้ชุมนุมต่างพากันทยอยกันออกจากพื้นที่ ท่ามกลางการดูแลรักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ของตำรวจนครบาล ซึ่งการจัดกิจกรรมในวันนี้เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย