“หมอริท” น้ำตาไหล กว่าจะมีวันนี้ไม่ง่าย แต่ถูกแซะแรง ย้ำสร้างด้วยตัวเอง


โดย PPTV Online

เผยแพร่




“ริท - เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช” หรือ “หมอริท” ร้องไห้กลางวงสัมภาษณ์ กลั้นไม่ไหว กว่าจะมีวันนี้ไม่ง่าย สร้างด้วยตัวเอง แต่กลับถูกแซะทำเว็บพนัน ขอบคุณทุกคนที่คอยซัพพอร์ต เรื่องหัวใจยังโสด

“แต่งงาน” หรือ “โสด” อยู่แบบไหนสบายกระเป๋ากว่ากัน

“หนิง นิรุตติ์” เผยเคล็ดลับยืนหยัดในวงการบันเทิง เล่าย้อนเส้นทาง “พระเอก” ที่ตกกระไดพลอยโจน

เป็นนักร้อง-นักแสดงที่หันไปลุยธุกิจเป็นหลัก สำหรับ “ริท - เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช หรือ “หมอริท” ที่เปิดคลินิคทางด้านความงามที่ประสบความสำเร็จอย่างมากขยาย 6 สาขาแล้ว มีโอกาสได้เจอเจ้าตัว ก็เลยอัปเดตกันหลายประเด็นทั้งเรื่องงาน เรื่องความรัก ซึ่งงานนี้ “หมอริท” เล่าให้ฟังละเอียดยิบว่า

ธุรกิจคลีนิกเป็นยังไงบ้าง?

“ตอนนี้ก็ไปได้ดีครับ ตอนนี้ส่วนใหญ่ทำคลินิกเป็นหลัก อยู่ในช่วงขยายสาขา ทำพวกมาตรฐานคลินิกแล้วก็ทำพวกเทรนนิ่ง” 

 

ทะลุเป้าหมายหรือยัง?

“ทะลุแล้ว (ยิ้ม) ก็คือจำนวนสาขาก็ได้ตามเป้า ยอดขายก็ได้ตามเป้า ก็ถือว่าอยู่ในผลที่แฮปปี้โอเคครับ ตอนนี้มี 6 สาขาแล้ว แล้วก็กำลังจะเปิดเดือนเมษายนนี้ ที่สยามเป็นสาขาที่ 7 ส่วนปลายปีก็กำลังหาพื้นที่เพิ่มครับ ใครมีพื้นที่น่าสนใจก็ส่งมาได้ (ตั้งเป้าไว้ขนาดไหน?) เอาแค่ไหนกรุงเทพฯ ก่อน ตอนนี้ต่างจังหวัดดูแลไม่ไหว ก็คือขอดูแลแค่ในกรุงเทพฯ ก่อน อาจจะขยายปีหนึ่ง 3-5 สาขา ถ้าไหวนะ ซึ่งก็ไม่อยากให้มันเกินกำลังตัวเอง ดูทีมงานอีกทีหนึ่งด้วย”

ดูเติบโตแบบก้าวกระโดดเราดูแลยังไง?

“ถ้าคุยกันแบบสัตย์จริง มันก็มีจุดที่บกพร่องอยู่บ้าง แต่ว่าในส่วนโอกาสที่เข้ามา แล้วก็เหมือนคนไข้ ลูกค้าเขาให้โอกาสเรา เราก็อยากคว้าโอกาสนี้ไว้ เหมือนคนเห็นจุดยืนของเรา แล้วก็เลือกที่จะเปิดใจใช้บริการแบรนด์เรา ริทเลยอยากคว้าโอกาสนี้ไว้ก่อน สุดท้ายจะเห็นว่าช่วงนี้มีแต่ประชุม เรียกทีมงานมาคุยหรือพัฒนาระบบ ทุกอย่างเป็นขั้นตอนเพื่ออัพเกรดตัวเองให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วก็ยังรับฟังฟีดแบ็กจากทุกคนที่เข้ามาใช้บริการ จะมีช่องทางรับฟัง ซึ่งริทก็ต้องอ่านเอง เอามาปรับเป็นจุดๆ จุดไหนน่าสนใจก็เอามาแก้เรื่อยๆ”

ก่อนหน้านี้ก็มีดราม่าเรื่องคลินิกว่าจัดสรรคิวไม่ลงตัว?

“เรื่องคิวต้องยอมรับจริงๆ คือเนื่องจากคนต้องการใช้บริการเยอะเกินกว่ากำลังการให้บริการที่เรามี มันก็มองได้หลายมุม มุมหนึ่งถ้าเกิดเราไม่ให้คิวบริการบางคนก็จะไม่พอใจ ว่าทำไมถึงไม่ได้รับคิวบริการ หรือว่าบางคนได้คิวบริการ แต่มีการเลท ก็ทำให้เขาไม่พอใจ ซึ่งตรงนี้เรารับทราบและได้ปรับปรุง ตอนนี้ริทได้มีการทำเกี่ยวกับประชุมหลังบ้านทั้งหมด แล้วก็แก้ไขเรื่องระบบคิวใหม่ จริงๆ ระบบการรับคิว แก้มาแล้ว 3 รอบ ซึ่งก็ปรับมาเรื่อยๆ ให้อยู่ตรงกลาง เพราะมันมีตั้งแต่ช่วงนัดแน่นเกินไป นัดเบาเกินไป มันไม่เกิดความพอดี ตอนนี้ค่อยๆ เป็นระบบที่เริ่มพอดีมากขึ้น แล้วก็จะเริ่มระบบรับนัดใหม่ช่วงมีนาคมนี้ จะเป็นการนัดแบบใหม่ ที่คิดว่าผลกระทบน่าจะน้อยลงแต่ยังไงถ้าเกิดปัญหาอะไรกับใครขึ้น ริทมีระบบพร้อมให้ฟีดแบค สาขานั้นส่งมาได้เลยคุณมาวันนี้เวลานี้ เจอปัญหาแบบนี้แล้วเกิดอะไรขึ้นกับคุณ ริทพร้อมที่จะแอคชั่นให้ (ยิ้ม) ถึงจะเป็นผู้บริหารในแบรนด์ตัวเอง แต่ว่าก็ดูแลลูกค้าแทน เพราะเราก็ไม่รู้ว่าหน้างาน ลูกค้าเจอประสบการณ์ที่ไม่ดี แล้วเราไม่รู้ ถ้าเรารู้เราก็จะจัดการให้ ปัญหาที่หนักสุดตอนนี้ น่าจะเป็นเรื่องคิวนี่แหละ (หัวเราะ) เพราะตอนนี้สาขาริทมันเพิ่งขยายแค่ 6 สาขา แต่จำนวนคนที่ต้องการใช้บริการ มันเยอะกว่านั้นมากๆ ซึ่งพยายามก็จัดการอยู่นะครับ (ยิ้ม) อันนี้ไม่ได้นิ่งนอนใจเลย”

เป็นเพราะสาขาเยอะเกินว่าที่เราจะดูแลได้หรือเปล่า?

“คือสาขา 1 เรารับบริการ 20-30 คนต่อวัน ขึ้นอยู่กับหัตถการที่ทำ แล้วจำนวนคนที่ต้องการใช้บริการต่อวัน มันเกินจำนวนนั้นไปอีก มันเลยทำให้เรายังจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ ซึ่งเอ๊ะ จะไม่รับคิวหรือว่าเลือกรับคิวยังไง  บางคนต้องวันนี้เท่านั้นเวลานี้เท่านั้น ขอหน่อยเถอะ มันมีหลายปัจจัยมาก แม้กระทั่งเครื่องเสียกะทันหัน ที่เราเจอคือไฟดับ หมอรถชน เป็นเหตุฉุกเฉินที่เราไม่ได้ไปบอกผู้ใช้บริการโดยตรง ว่าเจอแบบนี้นะ แต่เราก็พร้อมรับทุกอย่าง ว่าเลทคือเลท ช้าคือช้า เลื่อนคือเลื่อน”

เลยมองว่าสาขาที่เพิ่มขึ้นช่วยเรื่องนี้?

“ใช่ หนึ่งในวิธีการแก้ปัญหา คือการเปิดสาขาเพิ่มเพื่อรองรับ อันนี้แค่หนึ่งในนั้น แต่ใดๆ คือการจัดการระบบภายใน ยังเป็นเรื่องหลักอยู่ ซึ่งระบบการจัดการที่รื้อใหม่ทั้งหมด กำลังจะเสร็จประมาณมีนานี้ เปลี่ยนไปหมดทั้งระบบ การนัดคิว การคอนเฟิร์ม”

กับคอมเมนต์ที่ลูกค้าพิมพ์มันกระทบจิตใจเราไหม?

“จริงๆ ริทเตรียมใจไว้อยู่แล้ว ถ้าไม่นับปัญหานี้ วันหน้ามันก็ต้องมีปัญหาอื่น เพียงแค่เราต้องยอมรับว่าถ้าปัญหามันเกิดเราต้องมองอย่างเป็นกลาง เราต้องไม่มองเข้าข้างตัวเองหรือตัวลูกค้า ต้องมองว่าตรงกลางสิ่งที่ถูกต้องมันควรเป็นยังไง แล้วควรทำแบบไหน เรามองส่วนที่เขาพูดมันถูกไหม ถ้าถูกเราก็มาแก้ไข แต่ถ้าไม่ถูกเราก็จะทำยังไงที่เพื่อที่จะตอบรับกับเขา อย่างเคสนี้ที่เป็นประเด็น ก็มีการติดต่อคุยกับเขา แล้วก็แก้ไขปัญหาให้เขา ริทก็ตอบทวิตเตอร์เองเลย จริงๆ ริทเป็นคนไม่ตอบทวิตเตอร์ แต่เคสนี้ริทรู้สึกว่าต้องตอบ เพราะเหมือนคนเห็นประเด็นนี้เยอะ แล้วอาจจะทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่น เชื่อใจ แต่สุดท้ายอยากจะบอกว่าอยากให้เชื่อใจ เพราะเราพร้อมปรับปรุงพัฒนา ปัญหามันเกิดได้อยู่แล้วแหละ ขึ้นอยู่กับว่าคนดูจะตัดสินว่ามันเป็นปัญหาใหญ่ของเขาไหม ถ้ามันใหญ่จนทำให้เขาไม่มั่นใจแล้วที่จะใช้บริการแบรนด์นี้ต่อ เราก็ต้องยอมรับการตัดสินใจ แต่ถ้าเกิดใครที่เชื่อใจ และเชื่อในวิธีการบริหารของริท ว่าริทพร้อมที่จะแอคชั่นกับมัน ก็ขอให้เปิดใจกลับมาที่เราครับ”

ตอนนี้เป็นเศรษฐีท่านหนึ่งแล้ว?

“อุ๊ย ยังๆ (หัวเราะ) (เงินเก็บกี่ร้อยล้าน?) ยัง อย่าพูดถึงตัวเลขเลย (หัวเราะ) เอาเป็นว่าทำตามเป้าไปเรื่อยๆ มันก็มีแพชชั่นอะไรบางอย่างอยู่ สมัยก่อนก็มองแค่ตัวเอง เราอยากทำคลินิกให้ออกมาเป็นแบบนี้ แต่ตอนนี้กลายเป็นครอบครัวแล้ว คือพนักงานเข้ามาเป็น 100 ชีวิต ทุกวันนี้คนโน่นมีลูก คนนี้กำลังจะแต่งงาน เหมือนเราเอาความฝันของทุกคนมา ริทเหมือนจะโลกสวยที่เอาพนักงานมาอ้าง แต่จริงๆ แล้วถ้ามองในสภาพแวดล้อมการทำงานจริงๆ ริทรู้สึกว่าต่อให้ระบบมันเติบโตที่เป็นมาตรฐาน เราก็ยังต้องมีคำว่ามิตรจิตมิตรใจ ความเป็นครอบครัวพี่น้อง มนุษยธรรมอยู่ ไม่ใช่แค่สั่งงานๆ คุณต้องทำตามเรา ให้ได้ตามจ๊อบแค่นั้นจบอะไรแบบนี้”

แล้ววางแผนสร้างครอบครัวตัวเองไหม?

“ถ้าเกิดครอบครัวริท น่าสงสารมากตอนนี้ บ้านที่ซื้อมาเพื่อเป็นคลินิกที่แรก ตอนแรกก็เป็นคลินิกสามชั้น อีกสองชั้นก็ริทอยู่เอง และคุณพ่อคุณแม่ มีห้องกินข้าว มีที่ดูทีวี ตอนนี้ชั้น 4 โดนรื้อ ทำเป็นออฟฟิศ คุณพ่อคุณแม่มาไม่มีที่นอน ต้องแยกไปเช่าโรงแรม หรือไปนอนคอนโด แต่ก็ซื้อบ้านใหม่ให้แล้ว แต่ก็ยังไม่เสร็จ ช่วงนี้ก็เหมือนบังคับว่าเจอกันไม่ได้นะ ตอนนี้คือแยกแล้ว บ้านคือบ้าน แล้วก็มีออฟฟิศแยกไปอีกที่หนึ่ง เป็นออฟฟิศโดยเฉพาะ”

ความรักเป็นไงบ้าง?

“ตอนนี้ยังไม่มีอะไร ยังเหมือนเดิมโฟกัสกับงาน ตอบเหมือนดาราท่านหนึ่งแต่ตอนนี้ทำงานเยอะมากจริงๆเมื่อวานก็นอนตีสามเพื่อคุยงานเพื่อที่จะสร้างออฟฟิศให้เสร็จเพราะบางหน้าที่ไม่รู้ว่าใครจะทำเราก็ต้องทำ”

คุยกับแฟนถึงกี่โมง?

 “แหม! ไม่มีครับ โสดครับ (มีคุยไหม?) มันก็ต้องมีบ้างเรื่อยๆ กุ๊บๆ กิ๊บๆ จริงๆ ไม่ได้ยึดติดกับความรักดีกว่า เป็นคนชอบทำงานรู้สึกว่ามีเพื่อนก็แฮปปี้แล้ว คนรอบตัวทุกคนถามแต่ก็หาเวลาเจอเพื่อนก่อนเนอะ ตอนนี้ขอมีเวลาให้ตัวเองก่อน”

เรียกว่าโสดแต่ไม่สนิท?

“โสด (มีคนคุย?) อืม..ก็ได้ แต่โสดครับ”

ถามถึงประเด็นเรื่องที่ก่อนหน้านี้เราใช้เงินวันเดียว 30 ล้าน?

“จริงๆ ทำคลิปแถลงไปแล้วว่าเราใช้เงินเพื่ออะไรบ้าง ถ้าใครดูเนื้อนายจริงๆ ของที่ซื้อส่วนใหญ่เป็น อสังหาริมทรัพย์และเป็นสิ่งสำหรับเติบโตอย่างเดียวเลย ไม่ว่าจะเป็นซื้อออฟฟิศไหม ซื้อบ้านใหม่หรือซื้อเครื่องมือแพทย์ ซึ่งใครที่ติดตามชีวิตริทจริงๆ จะรู้ว่า ริทแทบจะไม่ได้ซื้อของอะไรเลยจะเก็บเงินไว้ซื้อของที่จำเป็นทีเดียว จริงๆ วันนั้นไม่ใช่คอนเทนท์ด้วยแต่ทุกอย่างมันว่างวันนั้นวันเดียวด้วยเวลาเรามันน้อยมาก ทุกอย่างนัดเซ็นภายในวันนั้นวันเดียว มานั่งนับรายการดูย้อนหลังเช็คไปมามันก็เลยกลายเป็นคอนเทนต์นั้น ก็ปล่อยเป็นคอนเทนต์ไปก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นไวรัลขนาดนี้”

หลายคนอยากเป็น “หมอริท” ชีวิตดี หาเงินเก่ง?

 “จริงๆ เบื้องหลังมันก็ไม่ง่ายนะ ริทอาจจะดูเป็นคนตลกเฮฮา YouTube ก็ดูชิลๆ เสื้อยืดกางเกงขาสั้น เจอคนไหนก็หัวเราะเฮฮา แต่จริงๆ เบื้องหลังการทำงานริทว่าหนักมาก สู้มาก เพราะว่าเราตั้งโกลไว้บางอย่างกับตัวเองว่าริทจะทำมันถึงเมื่อไหร่ แล้วก็อยากจะเกษียณเมื่อไหร่ วันนี้จะต้องทำหนักแค่ไหน เรารับทราบมาอยู่แล้วเลยลุยตั้งแต่ตอนนี้เต็มที่ไปเลยเพื่อวางรากฐานให้ตัวเอง เพราะว่าเกิดมาเราไม่ได้มีพื้นฐานทางบ้านช่วย ริทอยู่กรุงเทพฯคนเดียวทำทุกอย่างคนเดียว พนักงานก็รู้ว่ารีบน่าสงสารขนาดไหน พูดแล้วจะร้องไห้ (น้ำตาคลอ)”

พูดในมุมเราที่คนอาจจะไม่ได้เห็นเบื้องหลัง กว่าจะมาวันนี้มันลำบากขนาดไหน?

“เซ็นซิทีฟกับเรื่องนี้ จะบอกว่าทำคนเดียวก็ไม่ถูกมีพนักงานที่มาช่วยกัน แต่เวลามองภาพพนักงานที่เขามองริทเข้ามาเขาเห็นว่าเราอยู่คนเดียว ทำคนเดียว เขาก็ตั้งใจช่วยและอยู่กับเรา บางคนอยู่กับริทมาตั้งแต่ยังเป็นสาขาที่หนึ่งยังไม่มีอะไร เขาก็ยังอยู่ต่อจนถึงทุกวันนี้มันอาจจะไม่ใช่แค่เรื่องเงิน มันเป็นเรื่องที่เขาเห็นอะไรบางอย่างในตัวเรา ริทถึงบอกว่าคำพูดของริทมันอาจจะดูโลกสวยว่าอยากสร้างที่นี่ให้เป็นที่ที่มั่นคง เป็นครอบครัวให้กับพวกเขา มันเลยเซ็นซิทีฟ บางคนก็พูดว่าเราฟังแล้วก็ท้อ อย่างเช่นว่าไปทำเว็บพนันออนไลน์หรือเปล่า หรือว่ามีใครให้เงินมาลงทุนหรือเปล่า พอเราฟังแล้วความสำเร็จที่เราสร้างมันมาด้วยตัวของเราเองโดยที่ไม่ต้องมีแบล็คอัพหรือซัพพอร์ตอะไรเลย มันไม่ได้ง่ายนะ (ร้องไห้)”

ภูมิใจแค่ไหนที่เราสร้างมันขึ้นมาจนสำเร็จเหมือนทุกวันนี้?

 “ริทภูมิใจกับตัวเองมาก จริงๆ ริทหยุดทำแล้วก็ได้ เพราะคิดว่าเงินที่ได้มาเพียงพอแล้วกับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แต่อย่างที่บอกไปมีคนที่อยู่ข้างหลังเราอีกเป็น 100 ชีวิต เราต้องมองถึงจุดนั้น แล้วเป้าหมายของเราก็เปลี่ยนไปสมัยก่อนเรามองแค่ว่าโตอย่างเดียว ตอนนี้เรามองว่าเราประสบความสำเร็จระดับนึง เรามองว่าธุรกิจของเพื่อนเราอะไรที่เราช่วยเหลือได้เราพร้อมที่จะช่วยเหลือหมด เราเห็นว่าการที่จะทำอะไรแล้วมันสำเร็จขึ้นมาได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แล้วถ้าเกิดไม่มีการช่วยเหลือจากคนรอบข้างมันเป็นไปได้ยากมาก อย่างริทโดนเพื่อนๆ ที่อยู่ในวงการเข้ามาช่วยเหลือริทไม่ได้เคยจ่ายเงินค่ารีวิวแม้แต่บาทเดียว เพื่อนๆ ที่อยู่ในวงการเข้ามาซัพพอร์ต อันนี้เดี๋ยวช่วยโปรโมทให้นึกย้อนหลังไปจนมาถึงวันนี้ มันรู้สึกดี”

อยากขอบคุณอะไรพวกเขาบ้าง?

 “ริทพูดถึงเรื่องความรักหรือเรื่องการขอบคุณไม่ค่อยเก่ง แต่ใครที่สัมผัสใกล้ชิดริทจะรู้เลยว่าริทไม่เคยลืมบุญคุณใคร แม้กระทั่งเขาจะช่วยเราในก้าวเล็กๆ หรือก้าวใหญ่ๆ ก็ตาม ริทพร้อมที่จะซัพพอร์ตเขาคืนหรืออะไรที่ช่วยเขากลับได้แม้แต่เรื่องเล็ก ๆน้อย ๆเราพร้อมที่จะทำ ซึ่งก็ขอบคุณทุกคนที่มีส่วนในการต่อสู้จนเดินมาได้ถึงทุกวันนี้ ขอบคุณทุกคนจากใจเลยถ้าไม่มีพวกเขาเราก็ประสบความสำเร็จไม่ได้ในวันนี้ ก็ไม่ได้เรียกว่าประสบความเร็จทั้งหมดแล้วนะ ริทก็ยังต้องโตไปอีก ริทรู้สึกว่ามันเร็วไปที่จะใช้คำว่าประสบความสำเร็จ เพราะว่าริทเพิ่งทำมาได้ประมาณสองปีกว่าๆ ยังไม่หยุดแค่ตรงนี้แน่นอนครับยังต้องพัฒนาต่ออีกเยอะ”

 

 

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP ข่าวบันเทิง
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ