อังกฤษ พบผู้ติดเชื้อโควิดอินเดียเพิ่มขึ้น 3 เท่า ในสัปดาห์เดียว


โดย PPTV Online

เผยแพร่




สหราชอาณาจักรกำลังเจออุปสรรคใหญ่ในการคลายล็อกดาวน์ นั่นคือ โควิด-19 กลายพันธุ์จากอินเดีย ที่ตอนนี้ระบาดในประเทศมากถึง 4 สายพันธุ์ ซึ่งไวรัสสายพันธุ์อินเดียแพร่กระจายในสหราชอาณาจักรอย่างรวดเร็ว ล่าสุดพบยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า ภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์

ผลตรวจโควิด-19 แคมป์ก่อสร้าง-บริเวณใกล้เคียง พบสายพันธุ์อินเดีย 36 ราย

ผู้เชี่ยวชาญ เผย โควิดสายพันธุ์อินเดีย แพร่เร็วกว่า 2-3 เท่า

ขณะนี้สหราชอาณาจักรพบโควิด-19 กลายพันธุ์จากอินเดียถึง 4 สายพันธุ์ ได้แก่ B.1.617 / B.1.617.1 / B.1.617.2 และ B.1.617.3 เมื่อวันที่20 พ.ค. ที่ผ่านมา หน่วยงานสาธารณสุขของอังกฤษรายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียทั้ง 4 สายพันธุ์ รวมกันเป็น 3,855 ราย

เป็นยอดผู้ติดเชื้อสะสมที่น่าตกใจ เพราะเมื่อสัปดาห์ที่แล้วยอดผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์อินเดียมีทั้งหมด 1,313 เท่านั้น หมายความว่า ภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 160 หรือเกือบ 3 เท่า


 

ไวรัสสายพันธุ์อินเดียที่ผู้เชี่ยวชาญกังวลที่สุดคือ B.1.617.2 ที่ระบาดได้เร็วกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม จากผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์อินเดียทั้งหมด 3,855 ราย มีคนที่ติดเชื้อไวรัส B.1.617.2 ถึง 3,424 ราย หรือราวร้อยละ 88

โดยไวรัสสายพันธุ์อินเดียแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับช่วงที่สหราชอาณาจักรกำลังคลายล็อกดาวน์ อนุญาตให้ประชาชนออกจากบ้านและใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง

แต่เจนนี่ แฮร์รี่ (Jenny Harries) หัวหน้าระดับสูงของหน่วยงานความมั่นคงด้านสุขภาพของสหราชอาณาจักรเตือนว่า แม้จะเริ่มเปิดเมืองแล้ว แต่ประชาชนไม่ควรชะล่าใจ และยังต้องระมัดระวังตัวเอง พร้อมแนะนำให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพราะคือเครื่องมือที่ดีที่สุดในการสกัดกั้นโรคระบาด

เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ผ่านมา นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรได้กล่าวว่า วัคซีนที่สหราชอาณาจักรใช้อยู่ ได้แก่ ไฟเซอร์ โมเดอร์นา และแอสตราเซเนกา มีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ทุกสายพันธุ์ รวมถึงไวรัสกลายพันธุ์จากอินเดีย

ล่าสุดอูกูร์ ซาฮิน ซีอีโอของไบโอเอ็นเทค บริษัทยาสัญชาติเยอรมนี ที่ร่วมพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 กับบริษัทไฟเซอร์ บริษัทยายักษ์ใหญ่สหรัฐฯ เปิดเผยว่า วัคซีนของบริษัทสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์จากอินเดียได้ถึงร้อยละ 75

 

ขณะนี้รัฐบาลสหราชอาณาจักรกำลังเร่งตรวจหาเชื้อเพื่อกักตัวผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยง แต่ล่าสุดมีรายงานเปิดเผยว่า ข้อผิดพลาดของโครงการตรวจหาเชื้อของสหราชอาณาจักรคือสาเหตุที่ทำให้ไวรัสสายพันธุ์อินเดียแพร่ระบาดหนักขึ้น

โครงการตรวจหาเชื้อของสหราชอาณาจักรมีชื่อว่า Test and Trace ภายใต้การดูแลของระบบบริการสุขภาพแห่งชาติของอังกฤษ หรือ NHS สหราชอาณาจักรแนะนำว่า คนที่มีอาการเข้าข่ายว่าติดเชื้อโควิด-19 ต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อ หากใครติดเชื้อจะได้รับแจ้งจากหน่วยงาน Test and Trace เพื่อติดตามว่าผู้ติดเชื้อรายนั้นๆ เคยสัมผัสใกล้ชิดกับใครและอาจแพร่เชื้อไปให้คนกลุ่มไหนบ้าง และหากใครเคยมีสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อก็ต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน

แต่ประเด็นที่ถูกพูดถึงคือ ในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมที่ผ่านมา ระบบของ Test and Trace มีปัญหานานถึง 3 สัปดาห์ปัญหาทางด้านซอฟต์แวร์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้ทางการท้องถิ่นกว่า 8 แห่งทั่วประเทศไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ติดเชื้อกว่า 700 คนได้ ผลที่ตามมาก็คือ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถแจ้งประชาชนกลุ่มเสี่ยงหรือมีสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ เพื่อดำเนินการกักตัวได้ทันที

ที่น่ากังวลคือ พื้นที่ส่วนใหญ่ที่ประปัญหาข้อมูลตกหล่นล้วนเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดของไวรัสสายพันธุ์อินเดียอย่างรุนแรง  โดยรัฐบาลสหราชอาณาจักรได้ออกมายอมรับว่า การติดตามผู้ติดเชื้อเกิดความล่าช้าเล็กน้อยจริง แต่ยืนยันว่า ไม่มีหลักฐานที่ชี้ว่า ปัญหาดังกล่าวคือสาเหตุที่ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์อินเดีย B.1.617.2 เพิ่มมากขึ้น

 

TOP ต่างประเทศ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ