รู้จัก “ISIS K” กลุ่มก่อการร้ายไอซิส สาขาอัฟกานิสถาน มือระเบิดสนามบินคาบูล
สหรัฐฯ ส่งโดรนสังหารมือวางแผน "ไอซิส-เค" หลังบึ้มสนามบินคาบูล
เศรษฐกิจของอัฟกานิสถานจึงได้รับผลกระทบแบบเต็ม ๆ ค่าเงินที่ตกต่ำทำให้สินค้าทุกอย่างแพงขึ้น รัฐบาลไม่มีเงินเดือนจ่ายให้เจ้าหน้าที่ 1 ใน 3 ของคนที่นั่นกำลังอดอยาก ในสภาพสังคมที่เปราะบางแบบนี้ สิ่งที่คนหวาดกลัวกันคือ การผงาดขึ้นของบรรดากลุ่มก่อการร้าย ที่ล่าสุดประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียออกมาบอกแล้วว่า มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้ายจากซีเรียและอิรักที่กำลังเดินทางไปที่นั่น
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำของรัสเซีย กล่าวถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอัฟกานิสถานในขณะนี้ว่า มีความน่ากังวลอย่างมาก เนื่องจากมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มไอซิสจากซีเรียและอิรัก ที่กำลังเดินทางไปที่นั่นเพื่อฐานที่มั่นใหม่
โดยซีเรียและอิรักเคยเป็นฐานที่มั่นของไอซิส ในช่วงปี 2014 ไอซิสแข็งแกร่งยึดอิรักได้เกือบครั้งประเทศ ก่อนที่จะถูกสหรัฐฯและพันธมิตรถล่มจนเสียฐานที่มั่นไปจนเกือบหมดเมื่อปี 2019 บรรดาสมาชิกกระจัดกระจาย และกำลังมุ่มหน้ามาหาฐานที่มั่นใหม่ที่อัฟกานิสถาน
อัฟกานิสถานมีกลุ่มย่อยไอซิสอยู่ก่อนแล้ว นั้นคือ กลุ่มไอซิสเค (ISIS-K) หรือ กลุ่มอิสลามแห่งจังหวัดโคราซัน ซึ่งเป็นนักรบจีฮัดที่สุดโต่งและรุนแรงมากที่สุดในบรรดากลุ่มนักรบจิดฮัดในอัฟกานิสถาน
ไอซิสเค มีฐานที่มั่นหลักอยู่ที่ภาคตะวันออกในจังหวัดนันการ์ฮาซึ่งติดกับชายแดนปากีสถาน พวกเขาประกาศตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามกับตาลีบัน นับตั้งแต่ตาลีบันเจรจาสันติภาพกับสหรัฐ จนกระทั่งตาลีบันยึดประเทศได้และสถาปนาตัวเองเป็นรัฐบาล ISIS-K ก่อการร้ายเพื่อบั่นทอนตาลีบันหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีสนามบินนานาชาติฮามิดคาไซในระหว่างที่สหรัฐฯ และนาโตปฏิบัติภารกิจอพยพคนออก ทำให้มีคนเสียชีวิตเกือบร้อยคน โดย 13 คนเป็นทหารสหรัฐฯ ตามมาด้วยระเบิดฆ่าตัวตายใหญ่ 2 ครั้งในเดือนนี้
ครั้งแรกคือเมื่อวันที่ 8 ต.ค. เป็นระเบิดฆ่าตัวตายในมัสยิดในกรุงคาบูล ทำให้คนเสียชีวิต 6 คน และเกิดระเบิดฆ่าตัวตายในมัสยิดนิกายชีอะห์ในเมืองคุนดุซ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอัฟกานิสถาน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 43 ราย บาดเจ็บมากกว่า 150 ราย เหล่านี้คือความพยายามของ ไอซิสเค ในการบั่นทอนเสถียรภาพของรัฐบาลตาลีบัน
ไอซิสเค เป็นศัตรูหลักของตาลีบัน เนื่องจากความเห็นต่างทั้งในเรื่องอุดมการณ์และวิธีการ พวกเขาไม่เห็นด้วยที่ตาลีบันนั่งลงเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ ที่พวกเขามองว่าเป็นศัตรูคนสำคัญ ที่ผ่านมา ไอซิสเค พยายามบั่นทอนรัฐบาลตาลีบันด้วยการก่อการร้าย และถ้าสิ่งที่ประธานาธิบดีปูตินเตือนเป็นจริงก็จะน่ากังวลมาก เพราะถ้าไอซิสจากอิรักและซีเรีย มาสมทบก็จะทำให้ตาลีบันลำบากหนักขึ้น เพราะขณะนี้ตาลีบันกำลังเผชิญความยากลำบากและความท้าทายในการปกครองประเทศ อันเนื่องมากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดจากการโดดเดี่ยวและการถูกตัดเงินช่วยเหลือ
ที่ผ่านมาอัฟกานิสถานพึ่งพาความช่วยเหลือจากต่างประเทศในสัดส่วนที่สูงถึง 80% เมื่อความช่วยเหลือจากต่างชาติหยุดชะงัก จึงเกิดปัญหากับระบบเศรษฐกิจทันที ประชาชนเริ่มไม่พอใจเนื่องจากลำบาก อดอยาก ค้าขายไม่ได้ คนตกงานมากขึ้น เริ่มมีเสียงดังขึ้นเรื่อยๆเพื่อกดดันรัฐบาลตาลีบันในแก้ปัญหา
นี่คือสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยง เมื่อตาลีบันกำลังเจอปัญหารุมเร้า ความอ่อนแอของตาลีบันจะเสริมให้กลุ่มก่อการร้าย ISIS ผงาดขึ้น การคว่ำบาตรรัฐบาลตาลีบันอาจไม่ใช่หนทางที่ดีที่สุด เพราะยิ่งทำให้ปัญหาแย่ลง ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาเราจึงเห็นตัวแทนรัฐบาลต่าง ๆ เช่นสหราชอาณาจักรเริ่มทะยอยพุดคุยรัฐบาลตาลีบัน
G20 เตรียมยื่นมือช่วยอัฟกานิสถานแบบไม่มีเงื่อนไข
เมื่อวานนี้กลุ่มประเทศเศรษฐกิจชั้นนำของโลกอย่าง G20 ระบุว่าจะติดต่อพูดคุยกับรัฐบาลตาลีบันเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เพราะไม่สามารถปล่อยให้ชาวอัฟกันนับล้านคนอดตายจากการขาดอาหารและการเข้าถึงระบบสาธารณสุขได้ และก็ไม่มีวิธีการใด ๆ ที่จะเข้าไปช่วยเหลือคนเหล่านั้นยกเว้นผ่านทางรัฐบาลตาลีบัน แต่จะเป็นการช่วยเหลือแบบมีเงื่อนไข
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ G20 เน้นย้ำคือ การติดต่อพูดคุยครั้งนี้จะยังไม่ใช่การยอมรับรัฐบาลตาลีบันอย่างเป็นทางการ เป็นเพียงการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเท่านั้น
นอกเหนือจากกลุ่ม G20 ที่กำลังจะเริ่มพูดคุยกับรัฐบาลตาลีบันแล้ว ศัตรูคู่แค้นเก่าของตาลีบันอย่างสหรัฐฯ ก็เริ่มพูดคุยกับรัฐบาลตาลีบันแล้วเช่นเดียวกัน โดยพบกันที่กรุงโดฮาร์ประเทศการ์ตาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และได้ข้อสรุปว่าสหรัฐฯจะช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่ออัฟกานิสถาน
ส่วนสหภาพยุโรป ก็ประกาศเมื่อวานนี้เช่นเดียวกันเพื่อให้เงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมกับอัฟกานิสถาน 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 24000 ล้านบาท
และที่น่าสังเกตุคือ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร หรือ G20 การเริ่มต้นพูดคุยกับรัฐบาลตาลีบันเป็นเพียงการใช้เป็นช่องทางในการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษธรรมเข้าไปให้ประชาชนที่กำลังอดอยาก ไม่ใช่การรับรองรัฐบาลตาลีบันแต่อย่างใด พูดง่าย ๆ คือ ประชาคมโลกยังไม่เห็นว่า ตาลีบันคือตัวแทนที่ชอบธรรมประเทศอัฟกานิสถาน
ส่วนสถานการณ์ในอัฟกานิสถาน ผู้คนก็ลำบากมากขึ้นเรื่อย ๆ ภาพสะท้อนที่ชัดที่สุดที่แสดงว่า วิกฤตกำลังหนักขึ้น อาจเป็นภาพนี้ ซึ่งพบได้ตามท้องถนนของกรุงคาบูล เมืองหลวงมากขึ้นเรื่อย เด็กผู้หญิงชาวอัฟกันคนนี้ คือหนึ่งในเด็กผู้หญิงจำนวนหนึ่งที่ถูกสถานการณ์บีบคั้นให้ออกมาทำงาน เธอขายเครื่องหอมอยู่ริมถนนด้วยเหตุผลสองประการ หนึ่งคือ ครอบครัวขาดรายได้จากปัญหาเศรษฐกิจถดถอย อัตราการว่างงานพุ่งทะยาน ซึ่งเกิดขึ้นหลังตาลีบันปกครอง และสองคือ เธอไม่ได้รับอนุญาตให้กลับไปเรียนหนังสือ ดังนั้นการออกมาหาเงินช่วยเหลือครอบครัวเช่นเดียวกับชาวอัฟกันคนอื่นๆ จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด