สีฟ้า คือ แนวต้านและพื้นที่ที่กองทัพยูเครนยังต้านไว้ได้ จุดที่น่าสนใจคือ คาร์คีฟ เมืองอันดับสองทางตะวันออกที่ถูกถล่มอย่างหนักแต่รัสเซียยังยึดไม่ได้ ส่วนจุดที่มีวงสีน้ำเงินด้านในและมีวงสีชมพูด้านนอกคือ เมืองที่กำลังสู้กันหนักซึ่งมี 2 เมืองคือ เชอร์นิฮีฟและมาริอูปอล ส่วนพื้นที่รอบ ๆ กรุงเคียฟ ยังมีการปะทะกันอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่จุดวงกลมสีแดงคือ จุดที่รัสเซียยึดได้แล้ว ซึ่งทั้งหมดอยู่ทางตอนใต้ นั่นก็คือ เคอร์ซอน เมลิโตปอล และ ปาโลไฮ
ซึ่งทางใต้นอกจากการต่อสู้จะดุเดือดแล้ว ยังเป็นจุดที่รัสเซียมีการใช้ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงด้วย
สถานการณ์ที่เมืองหลวง กรุงเคียฟ ถูกรัสเซียล้อมไว้เกือบสัปดาห์แล้ว แต่ยังรุกคืบเข้าไปทางภาคพื้นดินไม่ได้ ทำให้ต้องใช้วิธีโจมตีระยะไกล
หน่วยงานบริการสถานการณ์ฉุกเฉินของยูเครน เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ รัสเซียยิงระเบิดเข้ามาตกที่ย่านโปดิน ทำให้ศูนย์การค้าและบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย มีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟต้องประกาศเคอร์ฟิวอีกครั้ง ตั้งแต่วันนี้ 20.00 น. จนถึง 7.00 น. ของวันพุธ ตามเวลายูเครน ( ตี 1 คืนนี้ ถึง เที่ยงของวันพุธ ตามเวลาประเทศไทย)
ขณะที่เจ้าหน้าที่ยูเครนได้เข้าไปเก็บกู้ และสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการโจมตีเมื่อวานนี้ ก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น ตามมาด้วยกลุ่มควัน
อีกจุดหนึ่งที่ถูกโจมตีคือ ย่านทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเคียฟ เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังได้เข้าไปช่วยเหลือประชาชน หลังเกิดระเบิดลงที่ด้านหน้าอพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่งที่มีความสูงสิบชั้น ซึ่งอพาร์ทเมนต์แห่งดังกล่าวโดนโจมตีไปก่อนหน้านี้แล้ว จนทำให้ตัวอาคารได้รับความเสียหาย และการที่ระเบิดลงครั้งที่สองนี้ทำให้มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อยห้าคน ในจำนวนดังกล่าว สองคนถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแล้ว
นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟ เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อพาร์ทเมนต์หลายแห่งในเมืองถูกโจมตีอย่างหนัก จนทำให้มีรายงานผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 7 ราย
ส่วนสถานการณ์ทางตอนใต้ การที่รัสเซียยึดเคอร์ซอน เมลิโตปอล และปาโลไฮได้ ทำให้ตอนนี้รัสเซียสามารถรุกหนักทางภาคพื้นดินในสมรภูมิสำคัญได้ นั่นก็คือ เมืองมาริอูปอลซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน
มาริอูปอลคือสมรภูมิสู้รบที่หนักที่สุดในตอนนี้ หลังจากปิดล้อมมาได้ 3 สัปดาห์ มีรายงานว่ากองกำลังรัสเซียบางส่วนเข้าไปใจกลางเมืองได้แล้ว แต่ยังถูกต่อต้านอย่างหนักจากกองงกำลังยูเครน ยังยึดเมืองไม่ได้
เมื่อคืนที่ผ่านมารัสเซียมีการยื่นคำขาด ขีดเส้นตายให้ยูเครนยอมแพ้ วางอาวุธ โดยมิคาอิล มิซินท์เซฟ หัวหน้าศูนย์ควบคุมกลาโหมแห่งชาติของรัสเซีย ได้ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้ยูเครนยอมแพ้การสู้รบในเมืองมาริอูปอลในวันนี้ ก่อนเวลา 05.00 น. ตามเวลามอสโก หรือ 9.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย แล้วหลังจากนั้น รัสเซียจะยอมเปิดระเบียงมนุษยธรรม จากเส้นทางทั้งทางตะวันออก และตะวันตกจากเมืองมาริอูปอล
ไอรินา เวเรชชัค ผู้ช่วยนายกรัฐมนตรีของยูเครน ออกมาสวนกลับรัสเซียทันที่ ระบุว่า รัฐบาลยูเครนปฏิเสธข้อเรียกร้องของรัสเซีย โดยยูเครนจะไม่ยอมแพ้ และจะไม่ยอมวางอาวุธในเมืองมาริอูปอลอย่างเด็ดขาด
การที่มาริอูปอลถูกโจมตีหนักเพราะเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ถ้ายึดเมืองนี้ได้ รัสเซียจะคืบต่อไปยังมิโคลาเยฟและจะเข้าสู่เมืองโอเดสซ่า เมืองท่าที่สำคัญอีกเมืองทางตอนใต้ ซึ่งถ้าเป็นไปตามแผนก็จะหมายความว่า จะยึดทางใต้ได้สมบูรณ์ ปิดทางออกสู่ทะเลของยูเครน
ที่รัสเซียมีความคืบหน้าในการโจมตีทางใต้มากกว่าส่วนอีก ๆ ของยูเครน เนื่องจากการส่งกำลังบำรุงในจุดนี้ทำได้ดีและง่ายกว่า เนื่องจากรัสเซียมีไครเมียซึ่งยึดมาจากยูเครนเมื่อปี 2014 เป็นฐานสำคัญ
โดยเมืองมาริอูปอล ถูกกองกำลังรัสเซียล้อมไว้เกือบ 3 สัปดาห์แล้ว ประชาชนกว่า 4 แสนคน ติดอยู่ข้างในถึงแม้ว่าจะมีการตกลงกันว่าจะหยุดยิงเพื่อเปิดระเบียงมนุษยธรรมให้คนอพยพออกมาจากที่นั่นแต่ก้ไม่เป็นผล นอกเหนือจากการปิดล้อม รัสเซียยังใช้การโจมตีทางอากาศอย่างหนักในเมือง ขีปนาวุธลูกแล้วลูกเล่าเข้าถล่มแบบไม่เลือกเหน้าและเป้าหมาย
จุดที่โดนถล่มรวมถึง โรงพยาบาลแม่และเด็ก เมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา อาคารของโรงพยาบาลที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก หน้าต่าง ประตูแตกกระจาย ซากปรักหักพังและรถยนต์ถูกไฟเผาไหม้จนวอดวาย มีคนเสียชีวิตอย่างน้อย 5 รายรวมถึงเด็กด้วย
อีกจุดหนึ่งคือ โรงละครที่เป็นที่หลบภัยของคนมากกว่าพันคนรวมถึงเด็กๆก็ถูกถล่มถึงแม้ว่าจะมีป้ายว่า มีเด็กอยู่ในนั้นก็ตาม สภาพล่าสุดของโรงละครล่าสุดที่พังพินาศ คนที่ตึกอยู่ใต้ซากยังช่วยออกมาได้ไม่หมด นอกจากนี้ยังมีโรงเรียนอีกหลายแห่งที่เป็นที่หลบภัยถูกถล่ม
ต้องเรียกว่ามาริอูปอลวันนี้ยับเยิน หนึ่งในคนที่ออกมาพูดเรื่องนี้คือ เจ้าหน้าที่ทางการทูตของกรีซที่ได้รับการช่วยเหลือและออกมาจากเมืองได้เมื่อวานนี้ โดยเขาระบุว่า นี่คือโศกนาฎกรรมครั้งใหญ่ของยูเครน สภาพของมาริอูปอลวันนี้เหมือนกับเลนินกราดที่ถูกกองทัพนาซีล้อมช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
กระทรวงกลาโหมของอังกฤษ เปิดเผยว่า นอกเหนือจากมาริอูปอลแล้ว อีกเมืองหนึ่งที่รัสเซียกำลังรุกคืบคือ มิโคลาเยฟ
มิโคลาเยฟ อยู่ทางใต้ของยูเครน ถัดจากมาริอูปอลไปทางทิศตะวันตก เป็นเมืองด่านหน้าก่อนถึงโอเดสซ่า เราจะเห็นว่าในเมืองนี้มีวงสีน้ำเงิน เป็นสัญลักษณ์ว่า ในการโจมตีภาคพื้นดิน รัสเซียยังไม่สามารถทำอะไรได้มาก การใช้ขีปนาวุธโจมตีเมืองมิโคลาเยฟถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์ที่รัสเซียใช้ขีปนาวุธประสิทธิภาพสูงนี้
รัสเซียใช้ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงถล่มยูเครน
รัสเซียใช้ขีปนาวุธเหนือเสียงเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 มีนาคม โดยโฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซียออกมาประกาศในวันถัดมาว่า ได้ยิงขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกคินซัล (Kinzhal) เข้าเป้าหมายคือ คลังแสงใต้ดินที่ใช้เก็บขีปนาวุธและกระสุนสำหรับอากาศยานของยูเครนในภูมิภาคอิวาโน-แฟรงคีฟสก์ ( Ivano-Frankivk) ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของยูเครน
การโจมตีคราวนั้นถือเป็นครั้งแรกที่มีการใช้ขีปนาวุธอานุภาพสูงอย่างขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงนับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
อาจเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนที่สำคัญของการทำสงคราม เพราะขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงถือเป็นเทคโนโลยีทางการทหารชั้นสูง มีเพียงไม่กี่ประเทศในโลกที่มี
ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงคืออะไร
เป็นขีปนาวุธที่สามารถบินเหนือชั้นบรรยากาศตอนบนของโลก ด้วยความเร็วมากกว่าเสียง 5 เท่า ส่วนพิสัยการยิงอยู่ที่ประมาณ 2,000 กิโลเมตร
นอกจากความเร็วที่เหนือเสียงแล้ว ขีปนาวุธแบบนี้มีความคล่องตัวและสามารถเปลี่ยนวิถีการบินได้ ทำให้สามารถหลบหลีกการตรวจจับของเรดาร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบันแม้จะมีเรดาร์ภาคพื้นดินบางตัวที่สามารถตรวจจับขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงได้ แต่ก็ยังไม่เร็วพอที่จะสามารถ activate เครื่องดักจับขีปนาวุธตัวนี้ได้ทัน อาจกล่าวได้ว่าตอนนี้ยังไม่มีระบบป้องกันใด ๆ ที่จะป้องกันการโจมตีของขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงได้ทัน
เมื่อเปรียบเทียบกับขีปนาวุธประสิทธิภาพสูงอีกตัวอย่างขีปนาวุธทิ้งตัวแล้วเหนือกว่า เพราะถึงแม้ขีปนาวุธแบบทิ้งตัวบางรุ่นจะเดินทางเร็วกว่าเสียง แต่การเคลื่อนที่ของมันจะเป็นวิถีโค้งและความคล่องตัวมีจำกัด
ทั้งนี้ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงตัวที่รัสเซียใช้เมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมาคือ 'คินซาล' หรือรู้จักในชื่อ 'Dagger' หรือกริซ โดยตัวหนึ่งถูกนำมาโชว์ครั้งแรกเมื่อปี 2018 สามารถบินหรือเคลื่อนที่ด้วยความเร็วกว่าเสียงถึง 5 เท่า (5 มัค) หรือประมาณ 6,172 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
รัสเซียถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่สามารถพัฒนาขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงได้สำหรับและพร้อมใช้งานได้ นอกเหนือจากคินซาลแล้ว รัสเซียยังมียานร่อนไฮเปอร์โซนิกที่ชื่อ Avengard และยังกำลังพัฒนาอีกตัวที่ชื่อ Zircom ซึ่งเป็นขีปนาวุธร่อนความเร็วเหนือเสียงที่ปล่อยจากเรือ
นอกเหนือจากรัสเซียแล้วคือ อีก 2 ประเทศที่มีขีปนาวุธชนิดนี้คือ สหรัฐฯและจีน ในส่วนสหรัฐฯ มีการทุ่มงบประมาณมหาศาลในการพัฒนาขีปนาวุธประเภทนี้ โดยเชื่อว่ามีอย่างน้อย 1 ตัวแล้ว ที่อยู่ในสถานะหรือความสามารถในการพร้อมปฏิบัติการ
หลังจากยิงขีปนาวุธความเร็วสูงถล่มฐานทหารและคลังเก็บอาวุธทางตะวันตกของยูเครนเมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมาแล้ว เมื่อคืนที่ผ่านมาโฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซียอ อกมาประกาศว่า ได้ยิงขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงคินซาลอีกครั้ง โดยคราวนี้เป้าหมายอยู่ที่เมืองมิโคลาเยฟ ทางใต้ของยูเครน
ยังไม่มีรายงานความเสียหายในเมืองมิโคลาเยฟหลังจากถูกขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงโจมตี ก่อนหน้าที่จะถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง เมืองมิโคลาเยฟก็โดนโจมตีหนักอยู่แล้วจากขีปนาวุธที่ถูกยิงมาจากกองเรือของรัสเซียในทะเลดำ
โดยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ขีปนาวุธหลายลูกตกที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของเมือง ทำให้ทหารที่กำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่เสียชีวิตอย่างน้อย 50 นาย
ผู้ว่าการภูมิภาคมิโคลาเยฟระบุว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปความเสียหายและจำนวนผู้เสียชีวิตได้ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม
ขณะที่เมืองมิโคลาอีฟมีการต่อต้านการรุกของกองกำลังภาคพื้นดินของรัสเซียอย่างเต็มที่ เพราะที่นี่เป็นเมืองปราการด่านสุดท้ายก่อนจะถึงเมืองโอเดสซ่า ซึ่งเป็นเมืองท่าที่สำคัญที่สุดของยูเครนในทะเลดำ เพราะหากรัสเซียยึดโอเดซซ่าได้ก็จะหมายถึงตอนใต้ของยูเครนจะถูกยึดโดยสมบูรณ์ ปิดทางออกทางทะเลของยูเครนโดยสิ้นเชิง