รัสเซีย เจรจายูเครน ยอมลดระดับปฏิบัติการทางทหารในกรุงเคียฟ
"ไบเดน" ยันไม่ถอนคำพูดว่า "ปูตินไม่ควรอยู่ในอำนาจ"
เมื่อวานนี้ (29 มี.ค.65) การหารือสันติภาพระหว่างผู้แทนเจรจารัสเซียและยูเครน จัดขึ้นที่นครอิสตันบูลของตุรกี เพื่อหาทางแก้ไขวิกฤตสงครามในยูเครนที่ยืดเยื้อนานกว่า 1 เดือน และนับเป็นพูดคุยแบบพบหน้ากันเป็นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์ ซึ่งก่อนการหารือกัน เรย์ซิป เทยย์ยิป เออร์โดอาน ประธานาธิบดีตุรกี ในฐานะชาติเจ้าภาพ ได้แสดงความหวังว่าการพูดคุยกันคราวนี้ควรให้ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมมากที่สุด
โดยภายหลังการหารือเสร็จสิ้น นายวลาดิเมียร์ เมดินสกี หัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาของรัสเซียได้แถลงว่า การเจรจามีพัฒนาการที่สร้างสรรค์ โดยได้รับข้อเสนอของฝ่ายยูเครนมาเพื่อพิจารณาแล้ว ซึ่งจะมีการพิจารณาข้อเสนอเหล่านั้นในอนาคตอันใกล้นี้ และรายงานเรื่องนี้ต่อ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย
ด้านอเล็กซาน โฟมิน (Alexander Fomin) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซีย เปิดเผยว่า รัฐบาลรัสเซียได้ตัดสินใจปรับลดระดับการโจมตีกรุงเคียฟ และเมือง เชอร์นิฮิฟ (Chernihiv) ของยูเครน โดยโฟมิน ระบุว่า การตัดสินใจครั้งนี้ จะเป็นการเพิ่มความไว้เนื้อเชื่อใจกันสำหรับการเจรจาครั้งต่อๆไปเพื่อบรรลุข้อตกลงสันติภาพกับยูเครน
“เนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่า วันนี้มีการพูดคุยในประเด็นการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงว่าด้วยสถานะความเป็นกลางและปลอดนิวเคลียร์ของยูเครน และว่าด้วยการมอบการรับรองด้านความมั่นคงให้แก่ยูเครน กำลังเคลื่อนไปสู่ขั้นปฏิบัติ และการนำเข้าสู่การพิจารณาในหลักการทั้งหมด เพื่อที่จะเพิ่มความไว้เนื้อเชื้อใจ และสร้างสภาพแวดล้อมที่จำเป็นสำหรับการเจรจาเพิ่มเติม และบรรลุวัตถุประสงค์ของการเห็นชอบและลงนามในข้อตกลงที่ว่าไปข้างต้นแล้ว กระทรวงกลาโหมของรัสเซียจึงได้ตัดสินใจที่จะลดการเคลื่อนไหวทางทหารในเคียฟ และเชอร์นิฮิฟ เราได้ดำเนินการทำความเข้าใจว่า การตัดสินใจที่จำเป็นนี้จะมีขึ้นในเคียฟ และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมจะเกิดขึ้นเพื่อการทำงานหลังจากนี้อีก” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซีย กล่าว
ขณะที่ มิคไคโล โพโดลยัค (Mykhailo Podolyak) ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครน กล่าวว่า ฝ่ายยูเครนได้ยื่นข้อเสนอจะดำรงสถานะชาติเป็นกลาง ซึ่งหมายถึงการไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกของกลุ่มพันธมิตรทางการทหารใดๆ เช่นองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องสำคัญของรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม ยูเครนต้องการให้บางประเทศอย่าง สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ตุรกี ฝรั่งเศส และ เยอรมนี ทำหน้าที่เป็นผู้รับประกันความมั่นคงให้แก่ยูเครน โดยจะต้องปกป้องยูเครนจากการถูกรุกรานไม่ว่าจะโดยชาติใด ๆ ก็ตาม
ยูเครน ชี้มีสัญญาณบวก แต่จะตั้งการ์ดเข้มต่อ
ด้าน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ระบุว่า เห็นสัญญาณเชิงบวกจากการเรจราสันติภาพที่เกิดขึ้นในอิสตันบูล แต่ก็ประกาศว่า ยูเครนจะไม่ยอมลดความพยายามในการป้องกันตนเองลงเด็ดขาด
"เราสามารถบอกได้ว่า สัญญาณที่เราได้ยินจากการเจรจานั้น เป็นเชิงบวก แต่สัญญาณเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำให้เสียงระเบิดจากรัสเซียหายไป นั่นคือเหตุผลที่เราจะไม่ใจเย็น เราจะไม่ลดความพยายามปกป้องตนเองทั้งในทางตอนเหนือของประเทศเรา และในทุกภูมิภาคของยูเครน ซึ่งกองทัพรัสเซียได้เข้ามาเป็นการชั่วคราว" ประธานาธิบดียูเครน กล่าว
ขณะที่นายกเทศมนตรีเมืองเชอร์นิฮิฟ เปิดเผยกับบีบีซีว่า การประกาศดังกล่าวของรัสเซียถือเป็นข่าวดี แต่เวลาเท่านั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่ารัสเซียจะทำตามคำพูดหรือไม่
ด้านกองทัพยูเครน รายงานว่า การถอนทหารออกจากเคียฟและเชอร์นิฮิฟของรัสเซียนั้นเป็นเพียงการหลอกลวงเท่านั้น เพราะว่ามีข้อบ่งชี้ว่า ในเวลานี้กองทัพรัสเซียกำลังไปรวมตัวกันใหม่ โดยพุ่งเป้าไปที่พื้นที่ทางตะวันออกของยูเครน ซึ่งเป็นพื้นที่ของกลุ่มกบฏที่สนับสนุนรัสเซีย
โดยรายงานนี้สอดคล้องกับสหรัฐฯ กระทรวงกลาโหมของสหรัฐ ระบุว่า รัสเซียไม่ได้ถอนกำลัง แต่มีการจัดเรียงกำลังใหม่เท่านั้น และยังคงพบเห็นทหารรัสเซียรอบ ๆ กรุงเคียฟอยู่
ด้าน โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เมื่อวานนี้อยู่ระหว่างการหารือกับนายกรัฐมนตรีลี เซียนลุงของสิงคโปร์ที่ทำเนียบขาว ระบุว่า ยังต้องจับดูความเคลื่อนไหวของรัสเซียต่อไปว่าจะทำตามที่พูดไว้จริงหรือไม่
“เดี๋ยวเราจะได้เห็นกัน ผมไม่ขอเชื่ออะไรจนกว่าจะได้เห็นการกระทำของพวกเขา เราจะได้เห็นกันว่าพวกเขาปฏิบัติตามสิ่งที่พวกเขาว่าไว้หรือเปล่า มีการเจรจาที่เริ่มต้นขึ้นวันนี้ ไม่ใช่เริ่มสิครับ ดำเนินต่อเนื่องในวันนี้ หนึ่งในนั้นคือในตุรกีและที่อื่น ๆ ผมได้ประชุมร่วมกับบรรดาผู้นำชาติสมาชิกนาโต 4 ชาติ ฝรั่งเศส เยอรมนี สหรัฐฯ และ และสหราชอาณาจักร ดูเหมือนว่ามีความเห็นที่สอดคล้องกันว่า มารอดูว่าพวกเขาจะมีอะไร” ไบเดน กล่าว
ขณะที่นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษก็แนะนำให้มีการระมัดระวังไว้ก่อน แม้ว่ารัสเซียประกาศจะถอนกำลังทหาร โดยบอกว่า เขาจะตัดสินรัสเซียจากการกระทำ ไม่ใช่คำพูด
ชาติ EU ขับนักการทูตรัสเซียออกนอกประเทศ
นอกเหนือจากความเคลื่อนไหวด้านการเจรจาแล้ว เมื่อวานนี้ 4 ประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป ประกอบด้วยไอร์แลนด์ เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ และสาธารณรัฐเช็ก ได้ประกาศขับนักการทูตรัสเซียกว่า 40 คนออกนอกประเทศ โดยมีการให้เหตุผลว่า บุคคลเหล่านั้นต้องสงสัยว่ากำลังทำการสอดแนมข้อมูล โดยรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของเบลเยียมเปิดเผยต่อที่ประชุมสภาว่า การขับทูตดังกล่าวนั้น เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศชาติ โดยที่เบลเยียม มีนักการทูต 21 คนทำงานที่สถานทูตรัสเซียประจำกรุงบรัสเซลล์ และสถานกงสุลที่เมืองแอนต์เวิร์ป ทั้งหมดถูกขอให้เดินทางออกนอกเบลเยียมภายในระยะเวลาสองสัปดาห์
ราคาน้ำมันโลกขยับขึ้น ตลาดตึงตัว เหตุรัสเซียส่งออกลดลง
กองทัพ ยูเครนยึดเมืองเออร์พินคืนจากรัสเซียได้