“เบลารุส” คือเพื่อนบ้านของยูเครนและรัสเซียที่แสดงท่าทีชัดเจนมาตลอดว่า เลือกยืนสนับสนุนข้างไหน โดย อเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก ประธานาธิบดีเบลารุส ยืนหยัดในฐานะพันธมิตรที่สำคัญของรัสเซีย นับถือรัสเซียเป็น “พี่ใหญ่” แลกกับการสนับสนุนทางเศรษฐกิจ
เบลารุสเปิดทางให้รัสเซียสามารถส่งกองกำลังบุกยูเครนจากเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือได้ รวมถึงยอมเป็นทางผ่านทหารและฐานตั้งอาวุธของรัสเซีย
เบลารุสเตรียมส่งหน่วยรบพิเศษไปประจำการใกล้ชายแดนยูเครน
เบลารุสซ้อมรบกะทันหัน ยูเครนเผยพร้อมรับมือหากช่วยรัสเซียบุก
ความสัมพันธ์รัสเซีย-เบลารุส บ้านพี่เมืองน้อง หรือบ่อเงินบ่อทองที่ขาดไม่ได้?
จึงเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจพอสมควร เมื่อมีการรายงานพบชาวเบลารุสบางส่วน ตัดสินใจเข้าร่วมเป็นทหารอาสาฝั่งยูเครน เพื่อร่วมต่อต้านรัสเซีย
แต่เมื่อได้ฟังเหตุผลของทหารอาสาเหล่านี้ก็ทำให้พอเข้าใจ เพราะพวกเขาเชื่อว่า หากยูเครนสามารถเอาชนะรัสเซียได้ จะทำให้ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียอ่อนแอลง และเมื่อปูตินอ่อนแอลง ลูกาเชนโกก็อาจจะอ่อนแอลงไปด้วย ทำให้การทวงอำนาจคืนจาก “เผด็จการคนสุดท้ายของยุโรป” และทำให้เบลารุสเป็นประชาธิปไตย มีความเป็นไปได้มากขึ้น
ลูกาเชนโกนั้น ปกครองเบลารุสมาเป็นเวลานานเกือบ 30 ปี ชนะการเลือกตั้ง “อย่างไม่โปร่งใส” ทุกครั้ง บริหารประเทศแบบเผด็จการ ควบคุมสื่อ ควบคุมความคิดเห็นของประชาชน แม้ประชาชนจะเคยออกมาประท้วงต่อต้าน ก็ไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงใดได้
การโค่นล้มลูกาเชนโก จึงดูจะเป็นหนทางเดียวในการนำความเปลี่ยนแปลงแบบประชาธิปไตยมาสู่เบลารุสได้ในความคิดของชาวเบลารุสบางส่วน
พูดโดยง่าย จุดประสงค์ของทหารอาสาเบลารุสฝั่งยูเครนก็คือ “หาทางต่อต้านผู้นำเบลารุส ด้วยการต่อสู้กับกองกำลังรัสเซีย”
ก่อนหน้าที่ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนจะเริ่มต้น มีชาวเบลารุสหลายคนลี้ภัยมายังโปแลนด์อยู่ก่อนแล้ว จากการพยายามเรียกร้องประชาธิปไตยจนถูกหมายหัว เมื่อสงครามเริ่มต้น ชาวเบลารุสในโปแลนด์เหล่านี้ จึงตัดสินใจที่จะช่วยยูเครน
ที่ปรึกษาอนามัยโลกคาด “ฝีดาษลิง” อาจระบาดหนักเพราะ “เพศสัมพันธ์”
หนึ่งในชาวเบลารุสที่อาสาช่วยยูเครนต่อสู้กับรัสเซีย คือ วาดิม โพรโกปิเยฟ วัย 50 ปี อดีตเจ้าของภัตตาคารในกรุงมินสก์ เมืองหลวงเบลารุส แต่เขาต้องลี้ภัยหลังกำลังจะถูกจับในข้อหาวิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีลูกาเชนโก เพียงเพราะวิจารณ์ในที่สาธารณะว่า รัฐบาลลูกาเชนโกไม่ได้ให้ความช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กเท่าที่ควร
“เราเข้าใจว่าการจะปลดปล่อยเบลารุสเป็นการเดินทางที่ยาวนาน และการเดินทางนั้นเริ่มต้นในยูเครน ... เมื่อสงครามยูเครนสิ้นสุดลง สงครามของเราจะเริ่มต้นขึ้น เป็นไปไม่ได้ที่จะปลดปล่อยประเทศเบลารุสโดยไม่ขับไล่ทหารของปูตินออกจากยูเครน” เขากล่าว
โพรโกปิเยฟเสริมว่า เหตุการณ์ประท้วงต่อต้านผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีเบลารุสที่ไม่โปร่งใสในปี 2020 ซึ่งจบลงด้วยการที่ประชาชนถูกปราบปรามอย่างโหดร้ายโดจรัฐบาลลูกาเชนโกนั้น ทำให้เขาเชื่อว่า “การจะยึดอำนาจคืนจากลูกาเชนโกได้ ต้องใช้กำลังเท่านั้น”
ทหารอาสาชาวเบลารุสอีกคน ชื่อว่า อเลส อายุ 19 ปี เล่าว่า เขาหนีออกมาจากเบลารุสตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยเขาเคยถูกหน่วยความมั่นคงเบลารุสจับ และถูกบังคับให้ประณามกลุ่มต่อต้านลูกาเชนโกเผยแพร่ในวิดีโอ หากไม่ปฏิบัติตามก็จะถูกจำคุก
อาเลสยอมรับว่า เขารู้สึกประหม่าเมื่อถึงเวลาที่ต้องมุ่งหน้าสู่ยูเครน เขาไม่เคยได้รับการฝึกทหารเลย แต่เขาบอกว่า ที่เขาตัดสินใจต่อสู้ ไม่ใช่แค่เพื่อช่วยยูเครน “แต่เพื่อให้เบลารุสเป็นอิสระ”
ด้าน พาเวล คุกตา ทหารอาสาชาวเบลารุสอีกหนึ่งนาย เล่าว่า เมื่อปี 2020 นิกิตา คริสต์ซอฟ น้องชายต่างมารดาของเขาถูกแขวนคอเสียชีวิตอยู่ในป่านอกกรุงมินสก์
ตำรวจกล่าวว่าไม่มีหลักฐานว่าใครเป็นคนร้าย แต่คุกตาและครอบครัวมั่นใจว่า คริสต์ซอฟถูกฆ่าตายเพราะเข้าร่วมการประท้วงต่อต้านลูกาเชนโก
คุกตายืนยันว่า การสนับสนุนยูเครนของเขาไม่ได้เกี่ยวกับการแก้แค้น แต่เกี่ยวกับการต่อสู้เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบประชาธิปไตยในเบลารุส “ถ้าปูตินพ่ายแพ้ ลูกาเชนโกก็จะพ่ายแพ้”
เรียบเรียงจาก AP
ภาพจาก AP / AFP