รายงานฉบับใหม่จากมหาวิทยาลัยป้องกันแห่งชาติสหรัฐฯ (NDU) เผยว่า กองทัพจีนมีจุดอ่อนหนึ่งที่คล้ายกับรัสเซีย ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคขัดขวางความสามารถในการทำสงครามในลักษณะเดียวกับที่รัสเซียกำลังก่อในยูเครน โดยระบุว่า “การขาดการฝึกอบรมข้ามเหล่า” ภายในกองทัพปลดแอกประชาชน (PLA) อาจเป็นจุดอ่อนของจีน
รายงานได้เจาะลึกข้อมูลภูมิหลังของเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของ PLA มากกว่า 300 นายใน 5 เหล่า ได้แก่ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ กองกำลังขีปนาวุธ และกองกำลังสนับสนุนเชิงกลยุทธ์
ยูเครนรายงาน ศพที่พบในหลุมศพหมู่เมืองอิซูม “มีร่องรอยถูกทรมาน”
ปูตินไม่ยี่หระปฏิบัติการโต้กลับของยูเครน ยืนยันไม่ปรับแผน
“ปูติน” พบ “สี จิ้นผิง” ความสัมพันธ์หวานชื่นที่จีนกำลังเป็นฝ่ายคุมเกม
รายงานพบว่า ในช่วง 6 ปีจนถึงปี 2021 เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงในแต่ละเหล่าขาดประสบการณ์การทำงานในเหล่าอื่นนอกจากเหล่าที่พวกเขาเริ่มวิชาชีพ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ทหารบกของ PLA ยังคงเป็นทหารบก ทหารเรือยังเป็นทหารเรือ ทหารอากาศยังเป็นทหารอากาศ ซึ่งแตกต่างอย่างมากกับกองทัพสหรัฐฯ ที่กำหนดให้การฝึกข้ามเหล่าเป็นข้อบังคับทางกฎหมายมาตั้งแต่ปี 1986
รายงานระบุว่า กองทัพจีนดูเหมือนจะไม่ค่อยกล้าออกจากระบบเดิมเท่าไรนัก “ความตายตัวของจีน … สามารถลดประสิทธิภาพของจีนในความขัดแย้งในอนาคตได้” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความขัดแย้งที่ต้องมีการดำเนินงานหรือบูรณาการร่วมกันในระดับสูง
รายงาน NDU บอกว่า กองกำลัง PLA จะจมอยู่กับปัญหาแบบเดียวกับที่รัสเซียกำลังเผชิญในยูเครน “ซึ่งการประสานงานกันของกองกำลังโดยรวมอยู่ในระดับต่ำ”
นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มการรุกรานยูเครนเมื่อ 7 เดือนก่อน ความบกพร่องในโครงสร้างทางทหารของรัสเซียได้กลายเป็นเรื่องธรรมดาแล้วในสายตาของบรรดาผู้สังเกตการณ์วงนอก
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ในช่วงหลัง ๆ ของสงคราม ปัญหาด้านโลจิสติกส์ได้สร้างความหายนะให้กับความสามารถของรัสเซียในการเสริมกำลัง ยังมีรายงานว่ารถบรรทุกของรัสเซียขาดยางที่เหมาะสมสำหรับภูมิประเทศในยูเครน และบางส่วนยังพังเพราะขาดการซ่อมบำรุง
โจเอล วูธนาว นักวิจัยอาวุโสศูนย์การศึกษากิจการทหารจีนของ NDU ผู้เขียนรายงานฉบับนี้ กล่าวว่า ผู้นำอาวุโสของ PLA อาจประสบปัญหาที่คล้ายกันเนื่องจากขาดการฝึกอบรมข้ามเหล่า “เช่น ผู้บัญชาการฝ่ายปฏิบัติการ ไม่ค่อยมีประสบการณ์ในฝ่ายโลจิสติกส์ เช่นเดียวกับฝ่ายโลจิสติกส์ไม่เข้าใจสายงานของฝ่ายปฏิบัติการ” ซึ่งส่งผลให้เกิดความไม่เข้าใจกันระหว่างฝ่าย
เขาเสริมว่า “ผู้บังคับบัญชาการปฏิบัติการที่ขาดความเข้าใจในระดับสูงเกี่ยวกับการขนส่งหรือการบำรุงรักษา อาจล้มเหลวในการใช้กำลังเหล่านี้อย่างเหมาะสม เหมือนกับความล้มเหลวของรัสเซียที่เราเห็นในปี 2022”
วูธนาวเปรียบเทียบทหารยศพลเอกในกองบัญชาการอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ กับทหารยศพลเอกในกองบัญชาการทหารกลางหรือกองบัญชาการยุทธศาสตร์จีน พบว่า ทหารสหรัฐฯ ทั้งหมด 40 นายมีประสบการณ์ของเหล่าหรือฝ่ายอื่น ขณะที่พลเอกของจีนมีเพียง 24 นายจาก 31 เท่านั้นที่มีประสบการณ์
นอกจากนี้ วูธนาวยังชี้ความแตกต่างที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ ในสหรัฐฯ นายพลเกือบทั้งหมดมีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานสายทหารเพียงอย่างเดียว ขณะที่ในประเทศจีน เกือบครึ่งหนึ่งของนายพลเป็น “นักการเมือง”
รายงานของวูธนาวยังพบว่า 58% ของเจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐฯ เคยไปฝึกในต่างประเทศ ในขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารของจีนมักไม่ค่อยมีประสบการณ์ทางทหารในต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม การที่กองทัพจีนมีจุดอ่อน ไม่ได้หมายความว่า สหรัฐฯ หรือชาติใด ๆ จะสามารถดูแคลนพวกเขาได้
คาร์ล ชูสเตอร์ อดีตผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการศูนย์ข่าวกรองร่วมของกองบัญชาการแปซิฟิกแห่งสหรัฐฯ ในฮาวาย กล่าวว่า รายงานฉบับใหม่นี้ “เป็นการประเมินกองทัพจีนได้ดีที่สุดว่าจีนว่าเป็นอย่างไรและกำลังจะเป็นอย่างไร”
แต่เขาเตือนว่า อย่าใช้รายงานฉบับนี้เป็นตัวทำนายว่า PLA จะประสบภัยแบบเดียวกับรัสเซียหากปฏบัติการในสงครามที่คล้ายกับที่รัสเซียบุกยูเครน เนื่องจากจีนมีข้อได้เปรียบอื่น ๆ ที่เหนือกว่ากองทัพรัสเซีย
ชชูศเตอร์บอกว่า จีนมีระบบการฝึกอบรมที่ดีขึ้นแก่ทหารใหม่ และไม่ต้องพึ่งระบบการบังคับเกณฆ์ทหารอีกต่อไป ในขณะที่กองทัพรัสเซียพึ่งพาการเกณฑ์ทหารมากขึ้น 80% ตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา ไม่เพียงเท่านั้น จีนยังมีกองทหารชั้นสัญญาบัตรมืออาชีพ
ชูสเตอร์ประเมินว่าจีนตามหลังสหรัฐฯ อยู่เพียง 4-5 ปีเท่านั้นในแง่ของความสามารถในการบูรณาการระหว่างเหล่าทัพ และเตือนว่า การฝึกซ้อมเมื่อไม่นานนี้ของจีนแสดงให้เห็นว่า “พวกเขากำลังไล่ตามมา”
เรียบเรียงจาก CNN
ภาพจาก AFP