วันนี้ (21 ก.ย.) ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ได้ออกมาแถลงผ่านทางโทรทัศน์ ประกาศระดมกำลังทหารบางส่วนจาก “กำลังสำรองที่แข็งแกร่ง 2 ล้านนาย” เพื่อปกป้องรัสเซียและเขตแดน โดยอ้างว่า ตะวันตกต้องการทำลายรัสเซียและไม่ต้องการให้มีสันติภาพในยูเครน
“เพื่อปกป้องบ้านเกิดเมืองนอน และอำนาจอธิปไตยรัสเซีย ผมคิดว่าจำเป็นต้องสนับสนุนการตัดสินใจของเสนาธิการเกี่ยวกับการระดมกำลังบางส่วนเพิ่มเติม” เขากล่าว
เปิดใจนักโทษในรัสเซีย กับข้อเสนอไปรบในยูเครนแลกอิสรภาพ
ก้าวเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ ยูเครนยึดหมู่บ้านในลูฮานสก์คืนจากรัสเซีย
ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย? 4 ภูมิภาคยูเครนจ่อลงประชามติขอผนวกเข้ารัสเซีย
นี่จะนับเป็นการประกาศระดมกำลังครั้งใหญ่ครั้งแรกของรัสเซียในรอบเกือบ 80 ปีนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง
ปูตินกล่าวว่า “หากบูรณภาพแห่งดินแดนในประเทศของเราถูกคุกคาม เราจะใช้ทุกวิถีทางที่มีอยู่เพื่อปกป้องประชาชนของเรา” เขาเสริมว่า ชาติตะวันตกพยายามขู่รัสเซียด้วยอาวุธนิวเคลียร์ แต่ “เรามีอาวุธมากมายให้ตอบโต้ นี่ไม่ใช่แค่คำขู่”
ด้าน เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ให้ข้อมูลว่า การระดมกำลังพลใหญ่ครั้งนี้ จะมีการเรียกทหารจากกองกำลังสำรอง 300,000 นาย โดยเฉพาะผู้ที่มีประสบการณ์ทางทหาร เข้าร่วมปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน
ชอยกูเสริมว่า ตัวเลข 300,000 นายนี้ เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของกำลังทั้งหมดที่มีอยู่ของรัสเซีย ในขณะที่นักเรียนและผู้ที่เคยเป็นทหารเกณฑ์แล้วจะไม่ถูกเรียกตัวภายใต้คำสั่งนี้ โดยผู้ถูกเกณฑ์ทหารทุกคนจะได้รับการฝึกทหารก่อนที่จะถูกส่งไปยังยูเครน
ปูตินบอกว่า “ผมขอเน้นย้ำว่า พลเมืองรัสเซียในกองกำลังสำรองที่ถูกเรียกตัวเป็นส่วนหนึ่งของการระดมพล จะได้รับผลประโยชน์เทียบเท่าทหารประจำการ”
การสั่งระดมกำลังพลจากกองกำลังสำรองนี้ ทำให้ในทางหนึ่ง อาจเป็นการตอกย้ำข้อสงสัยที่ว่า รัสเซียกำลังขาดแคลนกำลังพล โดยล่าสุด ชอยกูเปิดเผยว่า ณ ปัจจุบัน มีทหารรัสเซียเสียชีวิตเพียง 5,937 นายในยูเครน เพิ่มขึ้นจากข้อมูลล่าสุด 1,351 นายเมื่อเดือน มี.ค. สวนทางกับข้อมูลของตะวันตกที่เชื่อว่ารัสเซียเสียกำลังพลไปแล้วมากถึง 80,000 นาย
อเล็กเซย์ อาเรสโตวิช อดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองยูเครน กล่าวว่า คำสั่งระดมกำลังทหารของปูตินเผยให้เห็นถึงความสูญเสียของกองทัพรัสเซีย “ไม่ใช่แค่สูญเสียมาก แต่สูญเสียเกินไปมากเลยทีเดียว”
ปูตินยังสั่งเพิ่มเงินทุนเพื่อส่งเสริมการผลิตอาวุธของประเทศ เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน โดยตะวันตกเชื่อกันว่า อาวุธยุทโธปกรณ์ของรัสเซียร่อยหรอลงไปมาก โดยเฉพาะอาวุธขั้นสูงอย่างขีปนาวุธนำวิถีพิสัยไกล
ปูตินย้ำว่า จุดมุ่งหมายของเขาคือการ “ปลดปล่อย” ภูมิภาคดอนบาส หรือภูมิภาคยูเครนตะวันออก จากการปกครองของยูเครน โดยชี้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่ในภูมิภาคดังกล่าวไม่ต้องการกลับไปใส่ “แอก” ของยูเครน
รัสเซียถือว่า พื้นที่ของลูฮานสก์และโดเนตสก์ในภูมิภาคดอนบาส มีสถานะเป็นรัฐอิสระ ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของยูเครน ภายใต้การควบคุมของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่สนับสนุนรัสเซีย
ปัจจุบัน รัสเซียควบคุมพื้นที่โดเนตสก์อยู่ประมาณ 60% และควบคุมลูฮานสก์ได้เกือบ 100% โดยพื้นที่บางส่วนเริ่มถูกกองกำลังยูเครนยึดคืนกลับไป
ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ยูเครนได้ดำเนิน “ปฏิบัติการโต้กลับ” ซึ่งดูจะประสบความสำเร็จอย่างมากในภูมิภาคคาร์คิฟ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน โดยอ้างว่า สามารถยึดพื้นที่คืนมาได้ 8,000 ตร.กม. และขับไล่กองกำลังรัสเซียออกไปจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของภูมิภาค
ในขณะเดียวกัน พื้นที่ยูเครนที่ถูกรัสเซียยึดครองไว้ 4 แห่ง คือ ลูฮานสก์ โดเนตสก์ เคอร์ซอน และซาโปริซเซีย ได้ออกมาประกาศเตรียมจัดให้มีการลงประชามติ เพื่อขอผนวกดินแดนเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย
หากรัสเซียจัดให้มีการลงประชามติในพื้นที่ที่ยึดครองไว้จริง จะเท่ากับเป็นการปิดตายเจรจาใด ๆ ซึ่งจะทำให้การยุติความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนด้วยสันติวิธีกลายเป็นเรื่องยากมากขึ้น และยูเครนจะเสียพื้นที่ไปราว 90,000 ตร.กม. หากดินแดนที่รัสเซียยึดไว้ถูกผนวกเอาไป
กิลเลียน คีแกน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหราชอาณาจักร กล่าวว่า คำพูดของปูตินนี้ทำให้สถานการณ์ในยูเครนน่ากังวลมากขึ้น และคำขู่ของเขาควรต้องได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง
“เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่เราควรจริงจังมาก เพราะคุณรู้ว่าเราไม่สามารถควบคุมเรื่องนี้ได้” เธอกล่าว
เงินรูเบิลของรัสเซียร่วงและราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นทันทีหลังจากคำแถลงของปูติน
เรียบเรียงจาก Reuters / Telegraph
ภาพจาก AFP
จีน ขู่ใช้กำลังผนวก ไต้หวัน หากสหรัฐฯ ยังแสดงท่าทีสนับสนุน
ยูเครนสำรวจหลุมฝังศพหมู่อีซุมต่อเนื่อง