วันนี้ ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน จะลงนามผนวกดินแดน 4 ภูมิภาคของยูเครนอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากนานาชาติที่ระบุว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
พิธีลงนามในวันนี้จะมีขึ้นที่พระราชวังเครมลิน ซึ่งเป็นทำเนียบรัฐบาลในกรุงมอสโก โดยดินแดนยูเครนทั้ง 4 ภูมิภาคของยูเครนที่จะถูกผนวกรวมกับรัสเซีย ประกอบไปด้วย โดเน็ตสก์ ลูฮันสก์ เคอร์ซอน และ ซาโปริสเซีย
ยูเอ็นค้านดินแดนยูเครน โหวตผนวกร่วมรัสเซีย
ค่าเงินบาทเปิด "แข็งค่า" เล็กน้อย แนวโน้มอ่อนจากเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย
โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ ประธานาธิบดี วลาดอเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียได้ลงนามในกฤษฎีกา 2 ฉบับ เพื่อรับรองภูมิภาคเคอร์ซอนและซาโปริสเซีย ในฐานะดินแดนอิสระ ซึ่งเป็นขึ้นตอนก่อนนที่จะผนวกทั้ง 2 ภูมิภาคให้เป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ส่วนโดเน็ตสก์ และ ลูฮันสก์ รัฐบาลรัสเซียได้ประกาศรับรองให้เป็นสาธารณรัฐที่มีอธิปไตยเป็นของตัวเองก่อนหน้านี้แล้ว
การผนวกดินแดนยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียได้สร้างความวิตกกังวลเป็นอย่างมากต่อเวทีการเมืองระหว่างประเทศ โดยเมื่อวานนี้ นาย อันโตนิโอ กูเตียเรซ เลขาธิการสหประชาชาติเตือนว่าความเคลื่อนไวดังกล่าวเป็นการยกระดับความตึงเครียดที่อันตราย ที่กระทบต่อความหวังในการสร้างสันติภาพ อีกทั้งยังเป็นการละเมิดกรอบกฎหมายระหว่างประเทศ และจะไม่มีผลทางกฎหมายใดๆ
ส่วนสถานการณ์ความตึงเครียดภายในรัสเซียจากคำสั่งระดมพลเพื่อสนับสนุนการสู้รบในยูเครน เมื่อช่ววงค่ำที่ผ่านมา ประธานาธิบดี ปูติน ยอมรับว่ามีความผิดพลาดเกิดขึ้นจริง ทั้ง การเกณฑ์ผู้ชายที่มีลูกเล็กๆ หลายคนต้องดูแล ผู้สูงอายุ ผู้ที่สุขภาพแข็งแรง และ บุคลากรบางสาขาที่ได้รับก่ารยกเว้นเช่นนายแพทย์
โดยปูตินสัญญาว่าความผิดพลาดเหล่านี้จะต้องได้รับการแก้ไข และสัญญาว่าบุคคลกลุ่มแรกที่จะถูกเรียกตัวมาเข้ารับราชการในกองทัพตามคำสั่งระดมพลต้องเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ด้านการทหารและผ่านการฝึกฝนมาแล้ว
ขณะที่รัฐบาลฟินแลนด์ ประกาศปิดชายแดนห้ามนักท่องเที่ยวรัสเซียเข้าประเทศแล้ว นับเป็นชาติสมาชิกสหภาพยุโรป หรือ EU ที่มีพรมแดนติดกับรัสเซียแห่งสุดท้ายที่ใช้มาตรการนี้ ต่อจาก โปแลนด์, เอสโตเนีย, ลัตเวีย และลิทัวเนีย ซึ่งดำเนินการไปก่อนแล้วตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน โดยมาตรการดังกล่าวเริ่มมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการหลังเที่ยงคืนวันที่ 29 ก.ย.65
อย่างไรก็ตาม กระทรวงต่างประเทศฟินแลนด์ ยังอนุญาตให้ชาวรัสเซียเดินทางเข้าประเทศมาเพื่อเยี่ยมสมาชิกครอบครัว, ทำงาน, หรือศึกษาเล่าเรียนได้
ความเคลื่อนไหวล่าสุดเกิดขึ้นหลังจาก ปูติน ออกคำสั่งระดมกำลังพลสำรอง 300,000 นาย เพื่อส่งไปเสริมกำลังในการสู้รบกับยูเครน จนทำให้ชาวรัสเซียจำนวนมากแห่เดินทางออกนอกประเทศ โดยเฉพาะเส้นทางบก เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก ทำให้มีเที่ยวบินระหว่างประเทศให้บริการอย่างจำกัด การเดินทางของชาวรัสเซีย ทำให้เกิดภาพขบวนรถยนต์เข้าคิวยาวเหยียดบริเวณด่านตรวจบริเวณพรมแดนติดต่อกับประเทศต่างๆ เช่น รวมถึงชายแดนจอร์เจีย ที่ชาวรัสเซียสามารถเดินทางเข้าไปได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า ขณะที่ฟินแลนด์ ซึ่งมีพรมแดนติดต่อกับรัสเซียยาวกว่า 1,000 กิโลเมตร . ก็มีคนพยายามเดินทางเข้าไปเพิ่มขึ้นเช่นกัน แม้จะต้องขอวีซ่าก็ตาม
นายเปกกา ฮาวิสโต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศฟินแลนด์ กล่าวว่า คำสั่งระดมพลของปูตินมีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจของพวกเขา ซึ่งมีเป้าหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้นักท่องเที่ยวรัสเซียหลั่งไหลเข้าสู่ฟินแลนด์ เพราะอาจส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของฟินแลนด์ ภายใต้กฎใหม่ ชาวรัสเซียจะไม่สามารถเข้าสู่ฟินแลนด์ด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว “เชงเกน” ได้อีกต่อไป ทำให้ต้องไปยื่นขอวีซ่าล่วงหน้าที่ศูนย์ในรัสเซีย โดยต้องแสดงคำเชิญจากจากผู้ติดต่อทางธุรกิจหรือจากบุคคลในฟินแลนด์ด้วย
ขณะที่เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา สหภาพยุโรปออกมาตรการที่ทำให้ชาวรัสเซียขอวีซ่ายากขึ้น และต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ด้วยการยกเลิกข้อตกลงการทำวีซ่าระหว่าง EU กับรัสเซีย หลังจากมีชาวรัสเซียมากกว่า 1 ล้านคนเดินทางเข้าประเทศสมาชิก EU นับตั้งแต่สงครามเริ่มขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์