หลังจากที่ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ประกาศระดมกำลังพลสำรอง 300,000 นาย มีประชาชนชาวรัสเซียหลายหมื่นแห่เดินทางหนีออกนอกประเทศ เนื่องจากไม่ต้องการไปเป็นทหารเพื่อสู้รบในยูเครน
ตามรายงานข่าวต่าง ๆ ก่อนหน้านี้ วิธีที่ชาวรัสเซียใช้ในการหลบหนีออกนอกประเทศมากที่สุดได้แก่ การซื้อตั๋วเครื่องบินวันเวย์นั่งไปยังประเทศปลายทางโดยไม่มีแผนจะกลับมา หรือการเดินทางผ่านพรมแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น โปแลนด์ ฟินแลนด์ จอร์เจีย
ถูกเล็งด้วยขีปนาวุธอีกครั้ง! เกิดระเบิด 2 ครั้งใจกลางกรุงเคียฟ
“เซอร์เกย์ ซูโรวิคิน” ปูตินเปลี่ยนแม่ทัพในการบุกยูเครนอีกครั้ง
เกิดเหตุระเบิดบนสะพานเชื่อมไครเมีย-รัสเซีย
แต่ก็ยังมีชาวรัสเซียอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเลือกวิธีหลบหนีที่ “พิสดาร” กว่านั้น ซึ่งอาจจะเพราะความกังวลว่าจะถูกดักตัวได้กลางทาง หรืออาจจะเพราะไม่มีทุนทรัพย์เพียงพอที่จะหลบหนีด้วยเส้นทางที่ปลอดภัยกว่า
กรณีหนึ่งเป็นชายชาวรัสเซีย 2 คนที่ล่องเรือจากรัสเซียออกมาทางตะวันออก ผ่านช่องแคบเบริง (Bering Strait) มายังเกาะเซนต์ลอว์เรนซ์ในรัฐอะแลสกาของสหรัฐฯ เพื่อขอลี้ภัย โดยขณะนี้ทั้งสองถูกคุมตัวไว้ที่เมืองแกมเบลล์บนเกาะดังกล่าว เพื่อสอบประวัติ
เคอร์ติส ซิลุก เจ้าหน้าที่ประจำเมืองแกมเบลล์ เล่าว่า ชายทั้งสองล่องเรือมาจากเมืองเอกเวคินอต ทางตะวันออกของรัสเซีย ซึ่งอยู่ห่างจากแกมเบลล์ถึง 480 กิโลเมตร
ไม่มีรายงานชัดเจนว่า ทั้งสองเริ่มออกทะเลจากรัสเซียตั้งแต่เมื่อไร แต่พวกเขามาถึงแกมเบลล์เมื่อวันที่ 4 ต.ค.
ด้านโฆษกกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ กล่าวว่า “บุคคลเหล่านี้ถูกส่งตัวไปยังเมืองแองเคอเรจเพื่อสอบสวน ซึ่งรวมถึงกระบวนการคัดกรองและการสอบประวัติ จากนั้นจึงจะดำเนินการตามกฎหมายการเข้าเมืองของสหรัฐฯ ภายใต้พระราชบัญญัติคนเข้าเมืองและสัญชาติ”
ขณะที่ มิก ดันลีวี ผู้ว่าการรัฐอะแลสกากล่าวว่า “เราไม่คาดคิดว่าจะมีคนหรือกองเรือบรรทุกคนจำนวนมากเข้ามายังอะแลสกาอย่างต่อเนื่อง เราไม่เห็นสัญญาณนั้น ดังนั้นนี่อาจเป็นครั้งเดียวที่มีชาวรัสเซียหนีมาด้วยวิธีนี้”
หากมองว่าการล่องเรือจากรัสเซียข้ามไปยังสหรัฐฯ เป็นเรื่อง “โอเวอร์” แล้ว ยังมีที่พีคกว่านั้น โดยมีรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ไม่กี่วันหลังปูตินประกาศระดมกำลังพลสำรอง มีชายชาวรัสเซีย 8 คนโดยสารเรือยอชต์ “จากรัสเซียไปยังเกาหลีใต้”
โดยทั้ง 8 คนเดินทางจากเมืองวลาดิวอสต็อก ทางตะวันออกไกลของรัสเซีย มุ่งหน้าไปยังเกาหลีใต้ ซึ่งมีระยะห่างอยู่ที่ราว 500 กิโลเมตร โดยมีรายงานว่า เดิมทีพลเรือนชายกลุ่มนี้มีแผนโดยสารเรือยอชต์ไปท่องเที่ยวเกาหลีใต้อยู่แล้ว แต่ตัดสินใจเลื่อนแผนเดินทางเข้ามาเร็วขึ้นหลังมีการระดมกำลังพล
เรือยอชต์ลำดังกล่าวต้องเดินทางผ่านทะเลญี่ปุ่น โดยใช้เวลาประมาณ 5 วัน เนื่องจากต้องหลบเลี่ยงการล้ำน่านน้ำของเกาหลีเหนือ เพราะเสี่ยงต่อการถูกโจมตี
นอกจากการเดินทางหลบหนีด้วยเรือแล้ว ยังมีชาวรัสเซียอีกรายที่หนีออกนอกประเทศด้วย “จักรยาน”
อิลยา วัย 27 ปี เล่าว่า หลังจากที่ปูตินประกาศระดมกำลังพลสำรอง เขาก็ซื้อจักรยานมืองสองต่อจากเพื่อนในมอสโก แล้วนั่งรถไฟไปยังเมืองมูร์มันสก์ ทางเหนือของรัสเซีย เพื่อปั่นจักรยานมุ่งหน้าไปยังนอร์เวย์ ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 240 กิโลเมตร
อิลยาบอกว่า “โชคดีที่ผมกำลังฝึกไตรกีฬาก่อนสงครามจะเริ่ม ผมไม่คิดเลยว่ามันจะมีประโยชน์ในสถานการณ์อย่างนี้”
ปัจจุบัน อิลยาเดินทางมาถึงเมืองคีร์คิเนส (Kirkenes) เมืองชายแดนของนอร์เวย์แล้วโดยสวัสดิภาพ
เขาเล่าว่า ที่เมืองคีร์คิเนสขณะนี้ โรงแรมหลายแห่งถูกจองห้องพักเต็มหมดโดยชาวรัสเซียที่หลบหนีออกนอกประเทศ หลายคนรอต่อเครื่องบินเพื่อเดินทางไปยังกรุงออสโล เมืองหลวงของนอร์เวย์
การหลบหนีที่ยากลำบากและชวนคาดไม่ถึงเหล่านี้ เป็นหนึ่งในภาพสะท้อนอย่างชัดเจน ถึง “ความไม่เต็มใจ” ที่จะไปสู้รบของชาวรัสเซีย และยังก่อให้เกิดแรงต้านครั้งใหญ่ที่ปูตินแทบจะไม่เคยเจอมาก่อนตลอดยุคสมัยการครองอำนาจหลายสิบปีของเขา
รัสเซียส่งทหารเกณฑ์ใหม่กลับบ้านนับพัน เหตุร่างกายไม่ผ่านเกณฑ์
ไม่มีทางหนีได้เลย! รัสเซียจ่อตั้งด่านเกณฑ์ทหารที่ชายแดนจอร์เจีย
ไม่อยากเป็นทหาร! ชายรัสเซียก่อเหตุยิงเจ้าหน้าที่เกณฑ์ทหารระยะเผาขน
เรียบเรียงจาก The Guardian
ภาพจาก AFP