เมื่อวานนี้ (20 ต.ค.) แองเจลา ลูคิน ผู้บริหารของบริษัทไฟเซอร์ (Pfizer) หนึ่งในผู้พัฒนาวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA เปิดเผยว่า เตรียมจะปรับขึ้นราคาวัคซีนที่ขายให้สหรัฐฯ เป็น 110-130 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4,200-5,000 บาท) ต่อโดส หลังจากที่ข้อตกลงซื้อขายฉบับปัจจุบันสิ้นสุดลง
มีการคาดการณ์ว่า การปรับขึ้นราคานี้เนื่องจากความต้องการวัคซีนเริ่มลดลง เพื่อให้รายได้ของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ จึงต้องเพิ่มราคาวัคซีนที่จะขายให้สหรัฐฯ
ผลวัคซีนโมเดอร์นารุ่น 2 ประสิทธิภาพดีกว่ารุ่นแรก ภูมิอยู่ได้นานขึ้น
“โมเดอร์นา” ฟ้อง“ไฟเซอร์” ละเมิดสิทธิบัตรเทคโนโลยีพัฒนาวัคซีนโควิด-19
ปี 2021 “ไฟเซอร์” ขายวัคซีนโควิด-19 ได้เกือบ 1.2 ล้านล้านบาท
ลูคินกล่าวว่า ปัจจุบันวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์ในสหรัฐฯ ถูกแจกจ่ายให้ประชาชนทั่วไปฟรี ๆ ภายใต้ระเบียบภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข แต่หลังจากนี้คาดว่าชาวอเมริกันจะได้รับวัคซีนฟรีก็ต่อเมื่อมีประกันสุขภาพเอกชนหรือประกันสุขภาพของรัฐเท่านั้น
ปัจจุบัน สหรัฐฯ จ่ายค่าวัคซีนโควิด-19 ไฟเซอร์ที่ราคาประมาณ 30 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,100 บาท) ต่อโดส ซึ่งเท่ากับว่าราคาที่สหรัฐฯ ต้องจ่ายเพื่อซื้อวัคซีนนั้นจะเพิ่มขึ้นราว 4 เท่าเลยทีเดียว
ลูคินกล่าวว่า “เรามั่นใจว่าราคาของวัคซีนโควิด-19 ของเราในสหรัฐฯ สะท้อนถึงความคุ้มค่าโดยรวมของมัน และทำให้มั่นใจว่าราคาจะไม่เป็นอุปสรรคในการเข้าถึงวัคซีนของผู้ป่วย”
ทั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนว่า คนที่ไม่มีประกันสุขภาพจะเข้าถึงวัคซีนได้หรือไม่อย่างไร รูปแบบใดบ้าง และจะมีค่าใช้จ่ายหรือไม่
ไฟเซอร์กล่าวว่า คาดว่าตลาดวัคซีนโควิด-19 จะมีขนาดเท่ากับตลาดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทั่วไป ซึ่งจะต้องฉีดเป็นประจำทุกปีสำหรับประชากรวัยผู้ใหญ่ แต่ตลาดในประชากรเด็กอาจจะใช้เวลานานกว่าในการสร้างตลาด
ลูคินคาดว่า การเปลี่ยนผ่านการซื้อขายวัคซีนโควิด-19 ไปสู่เอกชนจะเกิดขึ้นหลังจากไตรมาสแรกของปี 2023 เป็นอย่างเร็ว ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าจำนวนวัคซีนที่ทำสัญญาไว้กับรัฐบาลจะหมดลงเมื่อไหร่ด้วย
เรียบเรียงจาก Reuters
ภาพจาก AFP