ในที่สุด “อีลอน มัสก์” มหาเศรษฐีเจ้าพ่อเทคโนโลยีก็เข้าควบคุมกิจการของ “ทวิตเตอร์” แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชื่อดังได้สำเร็จ และสิ่งแรกที่เขาทำคือการไล่ประธานกรรมการบริหาร (CEO) และผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน (CFO) ออกในทันที และ “ถูกเชิญ” ออกจากอาคารสำนักงาน
แหล่งข่าวเผยว่า สาเหตุที่มัสก์ไล่ ปารัก อักราวัล ซึ่งเป็น CEO กับเน็ด เซกัล ซึ่งเป็น CFO และวิจายา แกดเด หัวหน้าฝ่ายกฎหมายและนโยบายออก เนื่องมาจากพฤติกรรมของทั้งสามที่ต้องการปกปิดตัวเลขบัญชีผู้ใช้ปลอมบนทวิตเตอร์
"อีลอน มัสก์" แบกอ่างล้างมือเยือนตึก "ทวิตเตอร์" จ่อปิดดีลซื้อกิจการ
“อีลอน มัสก์” เผย ถ้าซื้อทวิตเตอร์สำเร็จ จะปรับลดพนักงาน 75%
ปั่นหุ้นหรือเปล่า? มหากาพย์คู่ค้าดีลล่ม “อีลอน มัสก์-ทวิตเตอร์”
มีรายงานด้วยว่า ทั้งสามคนได้รับเงินรวมกันมากกว่า 204 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7.7 พันล้าน) ในการออกจากตำแหน่งครั้งนี้
ก่อนหน้านี้ในช่วงที่มีมหากาพย์ดีลล่ม อีลอน มัสก์ ประกาศจะถอนตัวจากเข้าซื้อกิจการทวิตเตอร์โดยอ้างว่า ทวิตเตอร์ละเมิดข้อตกลงในการเข้าซื้อกิจการ โดยการไม่ได้เปิดเผยและให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสแปมบอทและบัญชีปลอม
มัสก์เคยเรียกร้องให้ทวิตเตอร์เปิดเผยข้อมูลหลักฐานเกี่ยวกับวิธีการตรวจสอบบัญชีปลอมและสแปมบอทของทวิตเตอร์ หลังบริษัทโซเชียลมีเดียอ้างว่า สแปมบอทและบัญชีปลอมมีสัดส่วนน้อยกว่า 5% ของผู้ใช้ทวิตเตอร์ แต่มัสก์กล่าวหาว่า จำนวนบัญชีปลอม-สแปมบอทที่แท้จริงในทวิตเตอร์นั้นมีแนวโน้มที่จะสูงกว่าที่ทวิตเตอร์บอก ซึ่งอาจสูงถึง 90%
มีรายงานว่า ขณะที่ข้อตกลงซื้อขายกิจการเรียบร้อยลงด้วยดี อักราวัลและเซกัลซึ่งขณะนั้นอยู่ในสำนักงานใหญ่ของทวิตเตอร์ในซานฟรานซิสโกได้ “ถูกเชิญตัวออกไป” จากสำนักงาน
อีลอน มัสก์ ซึ่งอัปเดตข้อมูลส่วนตัวในบัญชีทวิตเตอร์ของตัวเองว่าเป็น “หัวหน้าทวิต (Chief Twit)” ประกาศว่า เขาต้องการที่จะกำจัดบัญชีปลอมและสแปมบอทออกไปจากทวิตเตอร์ และทำให้เป็นแพลตฟอร์มที่ไม่ก่อให้เกิดความเกลียดชังและความแตกแยก
โดยเขาบอกว่า ทวิตเตอร์จะต้องเป็น “พื้นที่ที่อบอุ่นและยินดีต้อนรับทุกคน” และเสริมว่า “ทวิตเตอร์ไม่สามารถกลายเป็นนรกที่ไร้ประโยชน์สำหรับทุกคนที่จะพูดอะไรได้โดยไม่มีผลตามมา!”
อย่างไรก็ตาม มัสก์ยังไม่ได้ให้รายละเอียดว่า เขาจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้อย่างไร และใครจะเป็นคนบริหารบริษัท ก่อนหน้านี้เขากล่าวว่ามีแผนที่จะเลิกจ้างพนักงาน 75% ซึ่งนักวิเคราะห์ประเมินว่า อาจส่งผลกระทบต่องานด้านการควบคุมเนื้อหาที่เป็นอันตรายและการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
อีลอน มัสก์ ยังกล่าวว่า เขาไม่ได้ซื้อทวิตเตอร์เพื่อสร้างรายได้ แต่เพื่อ “พยายามช่วยเหลือมนุษยชาติ ซึ่งผมรัก”
เรียบเรียงจาก Reuters
ภาพจาก AFP