หากใครที่ยังติดตามสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนอยู่น่าจะพอทราบว่า ตลอดเวลาตั้งแต่ช่วง ธ.ค. ปีที่แล้ว รัสเซียได้พยายามบุกยึดครองเมือง “บัคมุต (Bakhmut)” ในแคว้นโดเนตสก์มาโดยตลอด และขณะนี้ก็เหมือนรัสเซียใกล้จะประสบความสำเร็จแล้ว
แต่คำถามสำคัญคือ ทำไมบัคมุต ซึ่งเป็นเมืองขนาดเล็ก (ขนาดเพียง 1 ใน 10 ของจังหวัดสมุทรสงครามบ้านเรา) จึงเป็นที่หมายตาของงรัสเซียในระดับที่ทุ่มกำลังบุกมานานขนาดนี้
คำตอบคือ การยึดบัคมุตจะแสดงถึงความก้าวหน้าทางทหารของประธานาธิบดีรัสเซียอย่าง วลาดิเมียร์ ปูติน และจะเป็นการทำให้กองทัพมีโอกาสที่จะเปิดฉากการโจมตีทางอากาศในพื้นที่เมืองอื่น ๆ ที่อยู่ห่างออกไปทางตะวันตกได้
เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวว่า ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยูเครนในขณะนี้ “คือการปกป้องเมืองบัคมุต” นั่นหมายความว่า ยูเครนเองก็เล็งเห็นความสำคัญบางอย่างของเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้เช่นกัน
บัคมุตมีถนนสายสำคัญที่เชื่อมต่อกับพื้นที่อื่น ๆ ของภูมิภาคโดเนตสก์ ไม่ว่าจะเป็นด้านตะวันออกที่มีทางเชื่อมไปยังชายแดนด้านที่ติดกับภูมิภาคลูฮานสก์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือก็ไปถึงเมืองสโลฟยันสก์ได้ ขณะที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ก็มุ่งหน้าไปยังคอสเทียนทีนิฟกา
ขณะนี้กองกำลังรัสเซียกำลังล้อมกรอบเมืองบัคมุตได้มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่กองกำลังยูเครนก็ยังไม่ล่าถอย กลายเป็นการสู้รบที่ยืดเยื้อ
อเล็กซานเดอร์ ร็อดเนียนสกี ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดียูเครน กล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้เป็นไปอย่างยากลำบาก
“รัสเซียกำลังพยายามปิดล้อมเมืองอยู่ในขณะนี้ และพวกเขากำลังใช้กองกำลังวากเนอร์ (Wagner) ซึ่งเป็นกองกำลังที่ดีที่สุด เป็นกองกำลังที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีและมีประสบการณ์มากที่สุด” เขาบอก
กองทัพยูเครนยังยืนยันด้วยว่า กองกำลังรัสเซียกำลังจัดหาทหารที่มีประสบการณ์มากกว่าวากเนอร์เพื่อพยายามยึดเมืองให้ได้ด้วย
ที่ผ่านมา กลุ่มวากเนอร์พยายามที่จะโอบล้อมเมืองเป็นแนวโค้งกว้างจากทางเหนือ และในเดือน ม.ค. ที่ผ่านมาสามารถยึดเมืองโซเลดาร์ที่อยู่ใกล้เคียงและหมู่บ้านเล็ก ๆ ทางตอนเหนือของบัคมุตไว้ได้
ทั้งนี้ หากรัสเซียยึดพื้นที่สูงทางตะวันตกของเมืองได้ จะทำให้คอสเทียนทีนิฟกาและครามาทอร์สก์ ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่สำคัญ จะตกอยู่ภายในระยะยิงของปืนใหญ่และปืนครกที่มีพิสัยไกลได้
แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการยึดบัคมุตนั้นไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงภาพรวมของสงครามในยูเครนตะวันออกได้มากนัก และในบางแง่อาจเป็นกระแสตีกลับไปยังรัสเซียเองว่า ทำไมการยึดเมืองที่มีขนาดค่อนข้างเล็กนี้ถึงต้องสู้รบกันยาวนานและมีใช้งบมากขนาดนี้
แม้ว่าความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของบัคมุตจะมีจำกัด แต่การยึดเมืองนี้ได้คาดว่าสร้างผลกระทบเชิงสัญลักษณ์ที่น่ายินดีสำหรับประธานาธิบดีปูติน หลังจากก่อนหน้านี้ทหารรัสเซียสามารถยึดเมืองโซเลดาร์ไว้ได้ ถือเป็นการได้รับชัยชนะครั้งแรกของรัสเซียในภูมิภาคยูเครนตะวันออกในรอบหลายเดือน ดังนั้นการยึดบัคมุตจะเป็นเหมือนการตีเหล็กตอนร้อน ทำให้รัสเซียมีภาพลักษณ์ของการประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม แม้จะยึดบัคมุตได้ แต่คาดว่ารัสเซียจะยังคงประสบปัญหาบางอย่างอยู่ดี
สถาบันวิจัยเพื่อการศึกษาสงคราม (ISW) ระบุว่า “ปูตินถูกบังคับให้เลือกทางเลือกที่ยากและไม่เหมาะสม เพื่อชดเชยความสูญเสียอันเลวร้ายของกองทัพรัสเซีย และเขาจะเผชิญกับทางเลือกที่ยากเช่นเดียวกันในปี 2023 หากเขายังคงมุ่งมั่นที่จะใช้กำลังทหารเพื่อบังคับยูเครนและตะวันตกอยู่”
สถาบันฯ เสริมว่า “รัสเซียสามารถระดมกำลังพลทหารได้มากขึ้น และปูตินน่าจะทำเช่นนั้นมากกว่าที่จะยอมแพ้ แต่ค่าใช้จ่ายของปูตินและรัสเซียจากมาตรการต่าง ๆ จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว”
เรียบเรียงจาก CNN
ภาพจาก AFP