หนึ่งในกำลังสำคัญของรัสเซียในการบุกยูเครน คือ “กองกำลังแวกเนอร์” ซึ่งเป็นบริษัททหารรับจ้างภายใต้การดูแลของ เยฟกินี พริโกซิน คนสนิทของประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา พริโกซินมักออกมาตำหนิและวิพากษ์วิจารณ์การสู้รบของกระทรวงกลาโหมรัสเซียอยู่เสมอว่าไร้ความสามารถ ทำให้กองกำลังรัสเซียต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และมักส่งทหารไปตายฟรีโดยใช่เหตุ
และขณะนี้ กองกำลังทหารรับจ้างแวกเนอร์ กำลังต่อสู้อยู่ในสมรภูมิบัคมุต (Bakhmut) ในภูมิภาคยูเครนตะวันออก โดยประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค. รัสเซียสูญเสียกำลังพลไปมากกว่า 1,100 นายในการสู้รบรอบเมืองบัคมุต และบาดเจ็บจนต่อสู้ไม่ได้อีกกว่า 1,500 นาย ขณะที่รัสเซียบอกว่า สังหารกำลังพลยูเครนไปไม่น้อยกว่า 220 นาย
ความสูญเสียที่เกิดขึ้นนี้ ทั้งที่เป็นสมรภูมิชิงเมืองเล็ก ๆ ซึ่งมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์เพียงประมาณหนึ่ง ทำให้มีการประเมินกันว่า รัสเซียอาจได้ไม่คุ้มเสียจากการสู้รบที่จุดนี้
แต่ความจริงแล้ว เหมือนจะมีคนที่ “ได้” จากสมรภูมิบัคมุตนี้
สถาบันสงครามศึกษา (ISW) วิเคราะห์ว่า ความสูญเสียที่เกิดกับกองกำลังแวกเนอร์ในสมรภูมิบัคมุตขณะนี้ อาจเป็นตัวบ่งชี้ถึง “ความขัดแย้งระหว่างกระทรวงกลาโหมรัสเซียและพริโกซิน”
ISW ระบุว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซียกำลังวางแผนการกำจัดกองกำลังแวกเนอร์ ในสมรภูมิบัคมุต โดยอาจจะไม่ได้จ้องทำลายกองกำลังทั้งหมดของแวกเนอร์ แต่อาจมุ่งลดทอนอิทธิพลและอำนาจของพริโกซินเป็นหลัก
ที่ผ่านมา พริโกซินหมิ่นประมาทบุคคลระดับสูงในกองทัพรัสเซียแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ไม่ว่าจะเป็น เซอร์เกย์ ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย หรือวาเลรี เกราซิมอฟ เสนาธิการใหญ่กองทัพรัสเซีย
จากสถานการณ์ความล้มเหลวของกองกำลังแวกเนอร์ในการยึดบัคมุต จึงเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ของกระทรวงกลาโหมรัสเซียกำลังฉวยโอกาสจงใจให้เกิดความสูญเสียกับกองกำลังหลักและกองกำลังนักโทษของแวกเนอร์ เพื่อพยายามทำให้พริโกซินอ่อนแอลง และทำลายความทะเยอทะยานของเขาที่จะมีอิทธิพลมากขึ้นในรัสเซีย
ก่อนหน้านี้ พริโกซินยังเคยออกมาตัดพ้อด้วยว่า พวกเขาถูกรัสเซียทอดทิ้ง หลังไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควรจากกองทัพรัสเซีย
เมื่อเดือน ต.ค. ปีที่แล้ว มีสื่อหลายสำนักรายงานว่า พริโกซินดูเหมือนจะมีความทะเยอทะยานในอำนาจทางการเมือง ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อการปกครองประเทศของปูติน
ISW เชื่อว่า ปูตินน่าจะสั่งไม่ให้กระทรวงกลาโหมรัสเซียโจมตีพริโกซินโดยตรง แต่สร้างเงื่อนไขที่ทำให้ผู้นำทางทหารของรัสเซียกลับมามีอำนาจมากกว่ากองกำลังทหารรับจ้าง
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้พริโกซินได้ออกมายืนยันว่า ไม่มีความขัดแย้งระหว่างกลุ่มแวกเนอร์กับทหารของกองทัพรัสเซีย โดยตลอด 2 วันที่ผ่านมา แวกเนอร์ได้รับเครื่องกระสุนเพิ่มเติมอีกเกือบ 30 คันรถจากกองทัพรัสเซีย
เรียบเรียงจาก The Guardian
ภาพจาก AFP