สถานการ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน มีอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวสำคัญเมื่อวานนี้ โดย ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน เปิดเผยผ่านทวิตเตอร์ว่า ได้หารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ซึ่งเป็นการพูดคุยที่ใช้เวลานานและมีความหมาย โดยตัวเองเชื่อว่า การหารือนี้ รวมถึงการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตยูเครน ประจำกรุงปักกิ่ง จะเป็นแรงกระตุ้นที่แข็งแรงสำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศต่อไป
ขณะที่สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี (CCTV) ของทางการจีน รายงานข่าวยืนยันการหารือทางโทรศัพท์ของสองผู้นำ พร้อมระบุว่า จีนยืนอยู่ฝั่งสันติภาพเสมอ นอกจากนี้ ยังอ้างคำพูดของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงว่า “จีนจะไม่มองดูไฟจากอีกฝั่ง และจะไม่เติมเชื้อไฟ รวมถึงจะไม่ฉวยโอกาสจากวิกฤตนี้เพื่อหาประโยชน์”
สื่อทางการจีนรายงานด้วยว่า ประธานาธิบดีสี ได้บอกกับประธานาธิบดีเซเลนสกีว่า จีนจะส่งผู้แทนพิเศษไปยังยูเครน เพื่อหารือกับทุกฝ่ายที่ต้องการสันติภาพ
ที่ผ่านมา ปักกิ่งพยายามแสดงท่าทีที่เป็นกลางต่อการรุกรานยูเครนของรัสเซีย แต่ไม่เคยประณามการกระทำดังกล่าว
ขณะที่เดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ก็เพิ่งเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการ 2 วัน
โดย ผู้นำจีน ได้กล่าวถึงประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียว่า เป็นเพื่อนรัก พร้อมกับเสนอแผนสันติภาพที่คลุมเครือ 12 ข้อ และย้ำว่าจีนอยู่ฝ่ายที่ถูกต้องทางประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตาม สี จิ้นผิง ก็ไม่ได้ให้คำมั่นว่าจะส่งอาวุธให้รัสเซีย
หลังจากการเยือนดังกล่าวไม่กี่วัน ประธานาธิบดีเซเลนสกีก็เชิญผู้นำจีนให้เดินทางเยือนยูเครนเพื่อหารือ โดยระบุว่า ทั้งสองเคยติดต่อกันก่อนที่จะเกิดสงครามเต็มรูปแบบกับรัสเซีย แต่ไม่ได้ติดต่อกันเลยหลังจากนั้น
ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯได้แสดงความยินดีต่อการที่ผู้นำทั้งสองประเทศได้มีโอกาสพูดคุยกันผ่านโทรศัพท์เป็นครั้งแรก โดย นาย จอห์น เคอร์บี โฆษกด้านความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาว ระบุว่า สหรัฐฯได้แสดงจุดยืนมาตลอดว่าประธานาธิบดีสี และ เจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนควรรับฟังความคิดเห็นของยูเครนต่อการถูกรุกรานโดยรัสเซียทั้งที่ไม่มีการยั่วยุใดๆ เกิดขึ้น และ เป็นพฤติกรรมที่ขัดต่อกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม นาย เคอร์บี ปฏิเสธที่จะประเมินว่าการพูดคุยกันระหว่างประธานาธิบดี สี และ ประธานาธิบดี เซเลนสกี จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญได้หรือไม่ ซึ่งประเด็นนี้เป็นสิ่งที่ต้องติดตามดูกันต่อไป
ส่วนรัฐบาลจีนจะเข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวกลางสร้างสันติภาพระหว่างรัสเซียและยุเครนได้หรือไม่ นาย เคอร์บี ย้ำว่าเงื่อนไขต่างๆจะต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประธานาธิบดีเซเลนสกี เพราะข้อตกลงใดๆ จะไม่สามารถยั่งยืนได้ หากผู้นำยูเครรนและชาวยูเครนไม่เห็นด้วย
ส่วนสถานการณ์ในสนามรบ นาย เยฟกินี พริโกซิน ผู้ก่อตั้ง “แวกเนอร์กรุ๊ป” บริษัททหารรับจ้างรัสเซียที่มีบทบาทสำคัญในการบุกยึดเมืองบัคมุตของยูเครน ได้เผยแพร่คลิปเสียงของตัวเองที่ระบุว่ายูเครนกำลังเตรียมความพร้อมปฏิบัติการรุกกลับและกำลังส่งหน่วยรบที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีเข้าสู่สมรภูมิบัคมุต
พริโกซิน ยังคงวิจารณ์กองทัพและกระทรวงกลาโหมรัสเซียที่ไม่ส่งเครื่องกระสุนในปริมาณที่เพียงพอมาให้กับทหารของแวกเนอร์กรุ๊ปในยูเครน พร้อมทั้งตั้งคำถามว่าเหตุใดกองทัพรัสเซียจึงไม่โจมตีพื้นที่ใกล้เคียงบัตมุตอย่างเมืองสลอฟยันสก์ และ เมืองครามาทอสก์ เพื่อลดความเข้มข้มในการต่อสู้ของทหารยูเครนที่ทำหน้าที่รักษาเมืองบัคมุต
อย่างไรก็ตาม พริโกซิน ยืนยันว่าแวกเนอร์กรุ๊ปจะเดินหน้าต่อสู้กับทหารยูเครนในเมืองบัคมุต ไม่ว่าจะเผชิญกับปัญหาใดๆก็ตาม