โดยทั้งหมดเป็นข้อหาที่เกี่ยวข้องกับความพยายามล้มผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 นี่เป็นคดีสำคัญที่จะส่งผลต่อการเมืองของสหรัฐฯ เพราะทรัมป์ถือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนแรกที่ถูกรัฐบาลกลางยื่นฟ้องด้วยคดีอาญาข้อหาหนัก โดยในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ทรัมป์ต้องเดินทางไปมอบตัวที่ศาลในกรุงวอชิงตัน ดีซี และขณะนี้ที่เมืองหลวงของสหรัฐฯ ต้องมีการยกระดับความเข้มงวดของการรักษาความปลอดภัย
"ทรัมป์" ถูกสั่งฟ้องข้อหาพยายามล้มผลเลือกตั้งประธานาธิบดี
“โดนัลด์ ทรัมป์” โดนข้อหาเพิ่ม 4 กระทง พยายามคว่ำผลเลือกตั้งปี 2020
การเตรียมการรักษาความปลอดภัยบริเวณรอบๆ อาคารศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ หรือ Federal Courthouse ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี เจ้าหน้าที่ทยอยขนรั้วเหล็กกั้นเข้ามาที่บริเวณใกล้เคียงอาคาร ห่างออกไปไม่ไกลจากศาลรัฐบาลกลาง เจ้าหน้าที่ได้นำรั้วเหล็กกั้นมาล้อมไว้รอบๆ บริเวณอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน
สาเหตุที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยแน่นหนาตามอาคารสำคัญของรัฐบาลสหรัฐฯ เนื่องจากในช่วง 16.00 น ของวันที่ 3 สิงหาคมตามเวลาสหรัฐฯ หรือประมาณตี 4 ของวันที่ 4 สิงหาคมตามเวลาไทย อดีตประธานาธิบดีทรัมป์จะเข้ามอบตัวต่อศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ
การขึ้นศาลของทรัมป์ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ณะลูกขุนใหญ่หรือ Grand Jury ของสหรัฐฯ ได้มีมติให้สั่งฟ้องอดีตประธานาธิบดีทรัมป์จากความผิดที่เกี่ยวข้องกับความพยามล้มผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 ซึ่งครั้งนั้น ทรัมป์ที่ลงสมัครเป็นประธานาธิบดีสังกัดพรรครีพับลิกันพ่ายแพ้ให้แก่ โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตไป
เอกสารคำฟ้องลงรายละเอียดส่วนหนึ่งไว้ว่า อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงมุ่งมั่นที่จะอยู่ในอำนาจต่อไปด้วยการเผยแพร่คำโกหกว่ามีการโกงเลือกตั้งเกิดขึ้น โดยที่รู้ว่าเป็นเรื่องเท็จ แต่ก็ยังกล่าวซ้ำและเผยแพร่นอกจากกล่าวคำเท็จ อดีตผู้นำสหรัฐฯ ยังมีส่วนปลุกระดมผู้สนับสนุนของตนเองให้ทำการขัดขวางกระบวนการรับรองผลการเลือกตั้งด้วยการบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาในขณะที่กำลังมีประชุมเพื่อรับรองผลการเลือกตั้ง
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 สมาชิกวุฒิสภาของสหรัฐฯ กำลังประชุมกันเพื่อรับรองผลการเลือกตั้งที่มี โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตเป็นผู้ชนะ
โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ก็ได้ไปปราศรัยปลุกระดมผู้ชุมนุมที่เดินทางมาแสดงการสนับสนุนว่า ผลการเลือกตั้งถูกโกง เขาจะไม่ยอม และจะต่อสู้จนถึงที่สุดหลังการขึ้นปราศัยของทรัมป์ สถานการณ์การชุมนุมก็เริ่มไต่ระดับไปสู่การก่อจลาจลเมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มเคลื่อนขบวนไปยังอาคารรัฐสภา และบุกเข้าไปในตัวอาคารรัฐสภาได้สำเร็จ ก่อนจะเข้าพังข้าวของและทำร้ายเจ้าหน้าที่จนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายคน ชาวอเมริกันเรียกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นว่า เป็นความอัปยศอดสู เป็นความพยายามลำลายล้างระบอบประชาธิปไตยของประเทศ หลายสื่อเรียกเหตุการณ์ครั้งนี้ว่าเป็นการก่อกบฏหรือการรัฐประหาร
มีการคาดการณ์กันว่า ทรัมป์จะให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาในชั้นศาล และคาดว่าบรรดาผู้สนับสนุนทรัมป์จะออกมาชุมนุมหรือแสดงการสนับสนุนว่า อดีตผู้นำสหรัฐฯ รายนี้ไม่ได้ทำผิด และข้อกล่าวหาทั้งหมดที่มีต่อเขาเป็นเพียงการล่าแม่มด มีขึ้นเพื่อสกัดไม่ให้ทรัมป์ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปีหน้า อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ทรัมป์จะขึ้นศาล มีความเห็นจากคนใกล้ชิดออกมาและเป็นความเห็นที่อาจไม่เป็นผลดีต่อทรัมป์มากนัก
คนใกล้ชิดที่ว่าคือ ไมค์ เพนซ์ อดีตรองประธานาธิบดีในรัฐบาลทรัมป์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมในวันที่เกิดเหตุจลาจล
เมื่อคืนที่ผ่านมา เพนซ์ได้ออกมาระบุต่อสื่อมวลชนว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่วางตัวเหนือรัฐธรรมนูญไม่ควรดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ เพนซ์ถือว่าเป็นบุคคลสำคัญในคดีนี้ ชื่อของเพนซ์ถูกระบุหลายครั้งในเอกสารคำฟ้อง
เพราะนอกจากอดีตรองประธานาธิบดีคนนี้จะเป็นพยานในเหตุการณ์จลาจลบุกรัฐสภาแล้ว เอกสารคำฟ้องยังระบุว่าเขาคือคนที่พยายามขวางไม่ให้อดีตผู้นำสหรัฐฯ หาทางเปลี่ยนผลการเลือกตั้ง ขณะที่ทรัมป์พยายามโน้มน้าวให้เพนซ์ร่วมขบวนการปฏิเสธผลเลือกตั้งกับเขา แต่เพนซ์คัดค้านอย่างต่อเนื่อง นี่เป็นหนึ่งในข้อสรุปจากเอกสารคำฟ้อง ซึ่งสอบสวนข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์และบทสนทนาระหว่างทรัมป์และเพนซ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสองเดือนระหว่างหลังวันเลือกตั้งประธานาธิบดีและวันที่เกิดเหตุจลาจล
ความเห็นที่ไม่ลงรอยจากกรณีล้มผลการเลือกตั้งคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์และเพนซ์ห่างกันในระยะหลัง
คำถามสำคัญคือ ทรัมป์จะใช้เหตุผลอะไรในการหักล้างข้อกล่าวหาทั้งหมดนี้ ล่าสุด ทนายประจำตัวทรัมป์ได้พูดถึงแนวทางหลักที่จะใช้ในการต่อสู้คดีแล้ว
เมื่อคืนนี้ สื่อตะวันตกหลายสำนักรายงานคำกล่าวของ จอห์น ลอโร ทนายที่จะทำคดีให้ทรัมป์ในครั้งนี้ที่ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับแนวทางการสู้คดีผ่านรายการ TODAY ของสถานีโทรทัศน์ NBC ของสหรัฐฯ เขากล่าวถึงส่วนหนึ่งของคำฟ้องที่กล่าวหาว่าทรัมป์โกหกเกี่ยวกับการโกงการเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นเรื่องเท็จ
ลอโรได้เปิดเผยคำกล่าวอ้างของทรัมป์ว่า ทรัมป์เห็นความผิดปกติในกระบวนการลงคะแนนเลือกตั้งจริง เพราะฉะนั้น การที่ทรัมป์ออกมาพูดถึงการโกงการเลือกตั้งถือเป็นเสรีภาพในการพูดและแสดงความเห็น ซึ่งได้รับการปกป้องคุ้มครองตามบทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่ 1 หรือ The First Amendment
นอกจากนี้ ทนายของทรัมป์ยังได้เปิดเผยด้วยว่า คำฟ้องจากรัฐบาลกลางจะสมเหตุสมผลก็ต่อเมื่อพิสูจน์ได้ว่า คำโกหกของทรัมป์ที่เกี่ยวกับการโกงเลือกตั้งไม่อยู่ในขอบเขตที่จะได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ บทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่ 1 ในกฎหมายรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ นั้นมีรายละเอียดที่ว่าด้วยสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพในการพูด ซึ่งให้ขอบเขตการคุ้มครองคำพูดทางการเมืองไว้กว้างมาก และมีสิทธิที่จะพูดแม้ว่าจะเป็นคำโกหก
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายจำนวนหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Aziz Huq ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายจาก University of Chicago Law School ได้ออกมาให้ข้อสังเกตผ่าน BBC ว่าคำโกหกที่นำไปสู่การก่อเหตุอาชญกรรมนั้นแทบไม่เคยได้รับการคุ้มครองภายใต้บทบัญญัติดังกล่าว
ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ประกาศแล้วว่าจะลงสมัครเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันลงแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2024
และการที่ทรัมป์มีคดีติดตัวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการลงสมัครรับเลือกตั้งหรือแม้แต่การเป็นประธานาธิบดี เพราะตามกฎหมายสหรัฐฯ ไม่ได้ห้ามผู้มีคดีติดตัวลงสมัครรับเลือกตั้ง และทรัมป์มีคุณสมบัติข้ออื่นๆ ครบ อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายคาดการณ์ว่านี่จะเป็นอุปสรรคในทางปฏิบัติ เพราะยังมีกระบวนการในการดำเนินคดีต่างๆ รอทรัมป์อยู่ ซึ่งนอกเหนือจากคดีที่เพิ่งมีการสั่งฟ้องไป ทรัมป์ยังมีดคีอื่นๆ ติดพันหลายคดี รวมถึงอีกคดีใหญ่ที่รัฐบาลกลางเป็นผู้มีมติสั่งฟ้องเช่นกันคือ คดีจัดเก็บเอกสารลับที่ไม่เหมาะสม นี่อาจจะรบกวนและกินเวลาที่ทรัมป์จะในการใช้หาเสียง
ขณะเดียวกัน ซาราห์ คริสซอฟ อดีตอัยการศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ก็ได้ออกมาให้ความเห็นว่า กระบวนการพิจารณาคดีของทรัมป์จะกินเวลายาวนานไปหลายปี
ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ทรัมป์จะเดินทางมาถึงศาลกระบวนการที่จะเกิดขึ้นคือ เจ้าหน้าที่ต้องเก็บลายนิ้วมือของเขา ก่อนจะพาตัวไปยังห้องพิจารณาคดีเพื่อแสดงตัวต่อหน้าทันยา ชัตกาน (Tanya Chutkan) ผู้พิพากษาที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบคดีนี้