ขณะที่ "รัสเซีย" มุ่งโจมตีทางอากาศใส่ยูเครนในหลายพื้นที่ ในแผ่นดินรัสเซียก็ปรากฏการโจมตีด้วยโดรนปริศนาที่คาดว่าเป็นของ "ยูเครน" หลายระลอก ในหลายพื้นที่เช่นกัน ตั้งแต่ใจกลางกรุงมอสโกไปจนถึงแคว้นอื่นๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากแผ่นดินยูเครน ล่าสุดเมื่อช่วงเช้ามืด (22ส.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ทางการรัสเซียรายงานว่ามีโดรน 4 ลำร่อนเข้าไปโจมตีในแผ่นดินรัสเซีย
โดรนพุ่งโจมตีอาคารหลายแห่งในกรุงมอสโก ไร้เจ็บ
กองทัพรัสเซียใช้ “T-14 Armata” รถถังรุ่นดีที่สุดที่รัสเซียมี
ภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นที่เมืองคราสโนกอร์สก์หลังจากมีโดรนลอยเข้ามาโจมตีในแผ่นดินรัสเซียเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น เมืองแห่งนี้มีที่ตั้งอยู่ในแคว้นมอสโก ห่างจากใจกลางกรุงมอสโกราว 25 กิโลเมตร
หน้าต่างหลายบานบนอาคารอะพาร์ตเมนต์ 25 ชั้นแตกกระจาย เช่นเดียวกับหน้าต่างรถจำนวนหนึ่งที่จอดไว้ใกล้ๆ บริเวณอะพาร์ตเมนต์ ส่วนถนนบริเวณรอบๆ มีเศษกระจกและเศษคอนกรีตตกกระจายอยู่เต็มพื้น เจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉินและเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบพื้นที่ รวมถึงตามเก็บเศษซากที่คาดว่าน่าจะเป็นชิ้นส่วนของโดรน
อันเดร โวโรเบียฟ ผู้ว่าการแคว้นมอสโก ออกมาระบุผ่านเทเลแกรมว่า ความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นต่ออะพาร์ตเมนต์และรถยนต์ในเมืองคราสโนกอร์สก์เป็นผลจากแรงสั่นสะเทือนของคลื่นกระแทก ขณะที่ระบบป้องกันภัยทางอากาศสามารถสกัดโดรนไว้ได้จำนวน 2 ลำ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ส่วนโดรนอีกลำที่มุ่งมายังแคว้นมอสโกและระบบป้องกันภัยทางอากาศสามารถสกัดไว้ได้ไปตกที่ย่านชาสต์ซี ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลจากเมืองคราสโนกอร์สก์เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่พลเรือนรายหนึ่งที่อาศัยอยู่ในอะพาร์ตเมนต์เล่าวินาทีขณะเกิดเหตุว่า เกิดเสียงดังมากขณะที่โดรนพุ่งโจมตี ผู้อาศัยคนอื่นๆ ในอะพาร์ตเมนต์ต่างก็วิ่งออกมาและส่งเสียงกรีดร้อง
ขณะที่โดรนอีก 2 ลำนั้น กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่าถูกระบบป้องกันภัยทางอากาศตรวจจับได้และสกัดไว้ได้ ก่อนจะตกลงที่แคว้นเบรียนสก์ทางภาคตะวันตกของรัสเซีย ซึ่งเป็นแคว้นที่มีพื้นที่ติดกับยูเครน ทางการรัสเซียระบุว่าการโจมตีระลอกนี้เป็นฝีมือของยูเครน แต่ทางการยูเครนยังไม่ได้ออกมาระบุอะไรเกี่ยวกับการโจมตีครั้งนี้
นี่คือส่วนหนึ่งของการโจมตีด้วยโดรนบนแผ่นดินรัสเซียที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงเดือนที่ผ่านมา ทางการยูเครนแทบไม่เคยออกมายอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าเป็นผู้ส่งโดรนเข้าไปโจมตีในเขตแดนของรัสเซีย แต่ประธานาธิบดีเซเลนสกีของยูเครนเคยออกมากล่าวว่า สงครามกำลังวนกลับไปหารัสเซียแล้ว
หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าการโจมตีระยะไกลอาจเป็นหนึ่งในแผนการโต้กลับของยูเครนนอกเหนือไปจากการสู้รบในสนามรบ
นอกจากกรุงมอสโกแล้ว ฐานทัพอากาศบริเวณทางใต้ของนครเซนส์ปีเตอร์สเบิร์กก็เป็นอีกจุดที่เกิดการโจมตีด้วยโดรนเช่นกัน
การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม วันนี้เพิ่งมีรายงานตรวจสอบของบีบีซีเปิดเผยออกมาว่า โดรนของยูเครนพุ่งเข้าโจมตีและทำลายเครื่องบินรบเหนือเสียง “ทูโพเลฟ ทียู-22” (Tupolev Tu-22) ของรัสเซีย
ภาพเครื่องบินรบที่กำลังถูกเปลวไฟลุกไหม้จนได้รับความเสียหายหนัก จนทั่วพื้นที่ปกคลุมไปด้วยควันดำ ภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ทางเทเลแกรมและ “เอ็กซ์” หรือทวิตเตอร์ในชื่อเดิม ก่อนที่บีบีซีจะตรวจสอบภาพถ่ายและภาพถ่ายดาวเทียมย้อนหลังบริเวณฐานทัพอากาศเพื่อยืนยันการโจมตีที่เกิดขึ้น
รายงานจากบีบีซีสามารถยืนยันได้ว่า เครื่องบินรบที่ถูกโจมตีจนไฟลุกเผาไหม้ในภาพคือเครื่องบินรบเหนือเสียง “ทูโพเลฟ ทียู-22” เครื่องบินรบรุ่นเรือธงของรัสเซีย ซึ่งจอดอยู่ที่ฐานทัพอากาศโซล์ตซี-2 บริเวณทางใต้ของนครเซนส์ปีเตอร์สเบิร์ก แคว้นนอฟโกรอด ทางภาคตะวันตกของรัสเซีย ห่างจากชายแดนยูเครนไปราว 600 กิโลเมตร
ตรงกับแถลงการณ์จากกระทรวงกลาโหมรัสเซียเมื่อวันเสาร์ที่ระบุว่า ยูเครนส่งโดรนมาโจมตีฐานทัพอากาศแห่งหนึ่งในแคว้นนอฟโกรอดช่วง 10 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น เหตุโจมตีที่เกิดขึ้นทำให้เครื่องบินหนึ่งลำได้รับความเสียหายและส่งผลให้ไฟลุกไหม้ไปทั่วลานจอด ทางการรัสเซียยังระบุด้วยว่า โดรนชนิดที่ใช้โจมตีเป็นโดรนใบพัดคอปเตอร์ ซึ่งบีบีซีตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นโดรนพาณิชย์ขนาดเล็กที่ถูกนำมาดัดแปลงเพื่อนำมาใช้ในการรบ
เครื่องบินรบทียู-22 ที่ถูกทำลายไป เป็นเครื่องบินรบเหนือเสียงยุคโซเวียตที่มีศักยภาพในการทิ้งขีปนาวุธและโจมตีพิสัยไกล โดยสามารถเร่งความเร็วได้ถึง 2,300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถบรรทุกขีปนาวุธหรือระเบิดได้ราว 24,000 กิโลกรัม
ที่ผ่านมา รัสเซียใช้เครื่องบินรบเหนือเสียงยุคโซเวียตโจมตีในสงครามหลายครั้ง เช่น สงครามซีเรีย สงครามเชชเนีย และล่าสุดสงครามยูเครนก็เช่นกัน
ครั้งหนึ่งที่รัสเซียใช้เครื่องบินรบเหนือเสียงทียู-22 ในสงครามยูเครนคือการโจมตีที่ดนีโปรเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เสียชีวิตจากการโจมตีครั้งนั้น 30 ราย
แม้การทำลายเครื่องบินเพียงลำเดียวจะส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อกำลังรบทางอากาศของรัสเซีย แต่เหตุโดรนโจมตีครั้งนี้คืออีกครั้งที่ยืนยันว่า ยูเครนใช้กลยุทธ์ส่งโดรนเข้าไปโจมตีทางอากาศบนแผ่นดินรัสเซียถี่ขึ้น
ขณะเดียวกัน หลังจากที่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้นำยูเครนเดินสายพบผู้นำชาติพันธมิตรยุโรปเพื่อขอการสนับสนุนด้านอาวุธยุทโธปกรณ์เพิ่มเติม ล่าสุดเมื่อวานนี้ (21 ส.ค.) ประธานาธิบดีเซเลนสกีเดินทางไปเยือนกรีซต่อ
โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนได้เดินทางไปเยือนกรีซเพื่อพบปะและหารือร่วมกับคีรีอาคอส มิตโซทาคิส นายกรัฐมนตรีกรีซ หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก กรีซคือประเทศที่สี่ที่ผู้นำยูเครนเดินทางไปเยือนเพื่อขอการสนับสนุนด้านอาวุธยุทโธปกรณ์เพิ่มเติมและการสนับสนุนด้านอื่นๆ แต่นี่คือการไปเยือนกรีซครั้งแรกของประธานาธิบดีเซเลนสกี
ในการแถลงข่าวร่วมกับนายกรัฐมนตรีกรีซ ผู้นำยูเครนออกมาเปิดเผยว่ากรีซเสนอที่จะช่วยฝึกนักบินยูเครนให้ใช้เครื่องบินรบ F-16 ร่วมกับชาติพันธมิตร 11 ชาติที่เคยตกลงกับยูเครนไว้ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ผู้นำยูเครนไม่ได้ระบุรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมการฝึกฝนนักบิน แต่มีรายงานว่าการฝึกจะมีขึ้นที่เดนมาร์กและโรมาเนีย กรีซเป็นหนึ่งในประเทศที่มีนักบินที่มีประสบการณ์ในการใช้เครื่องบินรบสัญชาติอเมริกันรุ่นนี้ เนื่องจากเกือบทั้งหมดของเครื่องบินรบที่กองทัพอากาศกรีซครอบครองคือเครื่องบินรบ F-16
นอกจากการร่วมฝึกนักบินยูเครนแล้ว ผู้นำกรีซยังเสนอความช่วยเหลืออื่นๆ ให้แก่ยูเครน เช่น การขนส่งธัญพืชของยูเครนและการฟื้นฟูโอเดสซา เมืองท่าบริเวณทะเลดำของยูเครน ซึ่งตกเป็นเป้าจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธจากรัสเซียอย่างต่อเนื่องในช่วงเดือนที่ผ่านมา
อีกหนึ่งประเด็นร้อนที่ต้องจับตามองอย่างมากในช่วงที่ผ่านมาคือ การปรากฏตัวของกลุ่มนักรบแวกเนอร์ในเบลารุส หลังจากที่ก่อกบฏในรัสเซียล้มเหลว อีกพื้นที่ที่กลุ่มนักรบแวกเนอร์เริ่มเคลื่อนไหวคือในทวีปแอฟริกา
ล่าสุดหัวหน้ากลุ่มนักรบแวกเนอร์ปรากฏตัวผ่านวิดีโอและกล่าวแถลงเป็นครั้งแรกหลังจากล้มเหลวในการก่อกบฏเมื่อ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา
ภาพล่าสุดของเยฟเกนี ปริโกชิน หัวหน้ากลุ่มนักรบแวกเนอร์ เค้าปรากฏตัวในชุดลายพราง ถือปืนไรเฟิล ขณะที่กำลังยืนอยู่ท่ามกลางทะเลทรายสถาบันเพื่อการศึกษาสงครามหรือ ISW ระบุว่า ปริโกชินอาจกำลังอยู่ที่ประเทศมาลี
ในวิดีโอ ปริโกชินแถลงว่ากลุ่มแวกเนอร์กำลังรับสมัครนักรบ โดยภารกิจของแวกเนอร์คือสำรวจแร่ทรัพยากรต่างๆ และปราบกลุ่มก่อการร้าย พร้อมระบุว่าแวกเนอร์และรัสเซียจะช่วยให้ทวีปแอฟริกาเป็นอิสระยิ่งขึ้น จะปราบกลุ่มนักรบจีฮัดในแอฟริกาให้สำเร็จ
ที่ผ่านมา ปริโกชินแทบไม่เคลื่อนไหวเลยเกือบตลอดสองเดือนหลังจากก่อกบฏต่อรัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียล้มเหลว
ส่วนนักรบสังกัดแวกเนอร์ราว 5,000 นาย ขณะนี้มีฐานที่มั่นอยู่ที่เบลารุสหลังประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก เชิญให้นักรบแวกเนอร์เข้าไปฝึกทหารให้แก่ทหารของกองทัพเบลารุส
ขณะเดียวกัน ปริโกชินเคยประกาศไว้ว่าแวกเนอร์จะหันกลับมาโฟกัสกับปฏิบัติการในแอฟริกา แต่เดิมกลุ่มนักรบแวกเนอร์ปฏิบัติการอยู่ในทวีปแอฟริกาอยู่แล้ว โดยมีฐานที่มั่นที่มาลีและสาธารณรัฐแอฟริกากลาง อีกทั้งยังไปปรากฏตัวในซูดานอีกด้วย ภารกิจของแวกเนอร์ในแอฟริกาคือ การรักษาผลประโยชน์ของรัสเซียในแอฟริกา อย่างเช่นการทำเหมืองแร่ทองคำ
นอกจากนี้กลุ่มแวกเนอร์ยังให้ความช่วยเหลือแก่รัฐบาลชาติแอฟริกาจำนวนหนึ่งที่ร้องขอในการปราบกลุ่มนักรบจีฮัด อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ที่แวกเนอร์ปรากฏตัว มักมีรายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนตามมา