จากกรณีที่ “A23a” ภูเขาน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในโลก เกิดอาการหมุนวนอยู่กับที่กลางมหาสมุทรใต้หรือมหาสมุทรแอนตาร์กติก เป็นเวลานานหลายเดือนตั้งแต่ช่วง เม.ย. 2024
ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. นักวิทยาศาสตร์จาก British Antarctic Survey (BAS) เปิดเผยว่า ภูเขาน้ำแข็งขนาด 3,672 ตร.กม. หรือ 2.3 เท่าของกรุงเทพมหานครลูกนี้กำลังเคลื่อนตัวอีกครั้งแล้ว โดยลอยไปตามกระแสน้ำของมหาสมุทรใต้
A23a เป็นภูเขาน้ำแข็งที่แตกออกมาจากแนวชายฝั่งของทวีปแอนตาร์กติกาในปี 1986 และได้เคลื่อนที่ไปตามมหาสมุทร ก่อนที่จะติดอยู่ใน “แนวเสาเทย์เลอร์” (Taylor Column) หรือกระแสน้ำวนซึ่งเกิดจากกระแสน้ำในมหาสมุทรที่พัดเข้าสู่ภูเขาใต้น้ำ
ขณะนี้ภูเขาน้ำแข็งได้หลุดออกจากพันธนาการแล้ว และนักวิทยาศาสตร์คาดว่ามันจะยังคงลอยไปตามกระแสน้ำในมหาสมุทรไปยังน่านน้ำที่อุ่นกว่าและเกาะเซาท์จอร์เจียอันห่างไกล โดยมีแนวโน้มว่าจะแตกตัวและละลายในที่สุด
นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า แม้ว่าการแตกตัวออกมาของภูเขาน้ำแข็งลูกนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของวงจรตามธรรมชาติของหิ้งน้ำแข็ง และจะไม่ส่งผลต่อระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น แต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่น่ากังวลในทวีปแอนตาร์กติกา ซึ่งอาจส่งผลร้ายแรงต่อระดับน้ำทะเลทั่วโลก
เช็กชื่อ 12 จนท.รัฐ โดน ป.ป.ช.ไต่สวน ปม “ทักษิณ” ชั้น 14
เงินชาวนาไร่ละ 1000 บาท เช็กวันโอนเงินเข้าบัญชี กลุ่มแรก
วันหยุดปีใหม่ 2568 เพิ่มวันหยุดพิเศษ วางแผนหยุดยาว 5 วันรวด
ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาการกัดเซาะของภูเขาน้ำแข็งตลอดเส้นทางการเคลื่อนที่ ตลอดจนวิธีที่น้ำแข็งในทะเลสามารถส่งผลต่อวงจรคาร์บอนและสารอาหารในมหาสมุทรทั่วโลก
ลอรา เทย์เลอร์ นักชีวธรณีเคมีที่เก็บตัวอย่างจากแหล่งน้ำรอบ ๆ ภูเขาน้ำแข็ง กล่าวว่า “เราทราบดีว่า ภูเขาน้ำแข็งยักษ์เหล่านี้สามารถให้สารอาหารแก่แหล่งน้ำที่มันเคลื่อนผ่านได้ ทำให้เกิดระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ในพื้นที่ที่มีผลผลิตน้อยกว่า”
เธอเสริมว่า “สิ่งที่เราไม่รู้ก็คือ ภูเขาน้ำแข็งแต่ละลูก ขนาด และแหล่งกำเนิดของภูเขาน้ำแข็งแต่ละลูกสามารถสร้างความแตกต่างให้กับกระบวนการดังกล่าวได้อย่างไร”
เทย์เลอร์บอกอีกว่า “เราเก็บตัวอย่างน้ำผิวมหาสมุทรที่อยู่ด้านหลัง ที่อยู่ติดกัน และที่อยู่ด้านหน้าเส้นทางที่ภูเขาน้ำแข็งเคลื่อนผ่าน ตัวอย่างน้ำเหล่านี้น่าจะช่วยให้เราระบุได้ว่าสิ่งมีชีวิตใดอาจก่อตัวขึ้นรอบ ๆ A23a และสิ่งมีชีวิตดังกล่าวส่งผลกระทบต่อคาร์บอนในมหาสมุทรอย่างไร และสมดุลกับชั้นบรรยากาศอย่างไร”
เรียบเรียงจาก CNN