เมื่อวันที่ 16 ม.ค. สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า คอมพิวเตอร์ของ “เจเน็ต เยลเลน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ถูกแฮกข้อมูล และไฟล์ที่ไม่เป็นความลับถูกเข้าถึงได้ แหล่งข่าว 2 รายที่ทราบเรื่องนี้อ้างว่า เป็นฝีมือแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน
แฮกเกอร์ยังแฮกคอมพิวเตอร์ของผู้ช่วยรัฐมนตรี 2 คนของเยลเลน ได้แก่ วอลลี อาเดเยโม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงฯ และแบรด สมิธ รักษาการปลัดกระทรวงฯ
แหล่งข่าวรายหนึ่งระบุว่า แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงไฟล์ในเครื่องของเยลเลนได้ไม่ถึง 50 ไฟล์
การแฮกคอมพิวเตอร์ของเยลเลนเป็นการแฮกครั้งล่าสุดที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของรัฐบาลจีน หลังก่อนหน้านี้เคยเกิดขึ้นกับหน่วยงานระดับสูงของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ
ตามรายงานของกระทรวงการคลังก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าแฮกเกอร์จะมุ่งเป้าไปที่ข้อมูลที่เกี่ยวกับการคว่ำบาตร ข่าวกรอง และกิจการระหว่างประเทศ แต่ไม่ได้เจาะเข้าไปในอีเมลหรือระบบลับของกระทรวง
ในการบรรยายสรุปแก่รัฐสภาเกี่ยวกับการแฮกดังกล่าว รายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่จีนเจาะเข้าไปในคอมพิวเตอร์ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการคลัง รวมถึงคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กและคอมพิวเตอร์มากกว่า 400 เครื่อง โดยเข้าถึงชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านของพนักงาน ตลอดจนไฟล์มากกว่า 3,000 ไฟล์ในอุปกรณ์ส่วนตัวที่ไม่จัดประเภท
นอกจากนี้ แฮกเกอร์ยังเข้าถึง “ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย” และเอกสารเกี่ยวกับการสืบสวนที่ดำเนินการโดยคณะกรรมการการลงทุนจากต่างประเทศในสหรัฐฯ ซึ่งตรวจสอบผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติจากการจัดหาเงินทุนจากต่างประเทศบางส่วน
บริษัท BeyondTrust Corp. ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ที่ดูแลระบบของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้แจ้งกระทรวงฯ เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ว่า แฮกเกอร์ได้ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายของบริษัทเพื่อแทรกซึมเข้าไปในกระทรวงการคลัง
กระทรวงการคลังได้แจ้งเตือนหน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์และหน่วยงานที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว และขอความช่วยเหลือจาก FBI และหน่วยข่าวกรองอื่น ๆ
เจ้าหน้าที่สืบสวนระบุว่า แฮกเกอร์ที่ก่อเหตุได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน มีชื่อรู้จักกันในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงไซเบอร์ว่า “Silk Typhoon” และ “UNC5221” โดยพบว่ามักแฮกเพื่อรวบรวมเอกสาร และชอบลงมือนอกเวลาทำงานปกติเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ
จีนยังไม่ได้ออกมาแสดงท่าทีใด แต่ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จีนมักปฏิเสธข้อกล่าวหาของสหรัฐฯ เกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์
เรียบเรียงจาก Bloomberg