ความน่าสนใจก็คือ บทความชิ้นนี้ เผยแพร่ออกมาในวันเดียวกับที่กองทัพไทย นำคณะนายทหารระดับสูง เข้าพบ "นายพลโซ วิน" ผู้นำหมายเลข 2 ของรัฐบาลทหารเมียนมา ที่กรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงของเมียนมาพอดี
โดยในบทความดังกล่าว พูดถึงเครือข่ายอาชญากรรม ที่รวมถึงการพนันผิดกฎหมาย ซึ่งกำลังเติบโตในเมียวดี ชเวก๊กโก และเคเค พาร์ค ในรัฐกะเหรี่ยง ซึ่งติดกับประเทศไทย
บทความนี้ให้ข้อมูลว่า พื้นที่ชเวก๊กโก ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2016 ในฐานะโครงการธุรกิจเพื่อพัฒนาในระดับภูมิภาค จนกระทั่งเริ่มมีรายงานข่าวธุรกิจผิดกฎหมายเข้าไปใช้พื้นที่นี้ ทางการเมียนมาก็ได้สั่งระงับโครงการไป
รัฐบาลเมียนมา ระบุว่า พื้นที่ดังกล่าว อยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่ ทำให้การเข้าไปควบคุมจัดการโดยรัฐบาลเมียนมา เป็นไปอย่างยากลำบาก และทำให้แก๊งอาชญากรรม รวมถึงการพนันออนไลน์ ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นี้
ในตอนหนึ่ง บทความที่เผยแพร่ในสื่อทางการเมียนมาระบุว่า การหลอกลวงออนไลน์และการพนันออนไลน์จะเกิดขึ้นได้ ต้องมีไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต อาวุธและเครื่องกระสุน ไปจนถึงอาคารที่ทำการ ซึ่งต้องผ่านการเข้าถึงจากประเทศอื่น
รายงานนี้ระบุว่า ผู้ก่อเหตุเหล่านี้ไม่ใช่พลเมืองเมียนมา แต่เป็นชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าเมียนมาอย่างผิดกฎหมายผ่านประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนจะชี้ว่าประเทศเพื่อนบ้านเหล่านั้น ควรมีส่วนในการปราบปรามขบวนการหลอกลวงและพนันออนไลน์ด้วย
นอกจากนี้ บทความของสำนักนักข่าว Global New Light of Myanmar เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2023 รัฐบาลทหารได้จับกุมและเนรเทศชาวต่างชาติ 55,000 คน ซึ่งใช้พื้นที่ชายแดนเป็นฐานในการก่ออาชญกรรมด้านการหลอกลวงทางโทรศัพท์ หรือ คอลเซนเตอร์และการพนัน
ในจำนวนนี้มากกว่า 53,000 คน ถูกสั่งกลับไปประเทศจีน นอกจากนั้นเป็นชาวเวียดนามราว 1,000 คน, ชาวไทย 600 คน ส่วนที่เหลือมาจากชาติต่างๆ อีก 25 ประเทศ
โดยผู้กระทำผิดเหล่านี้นี้ไม่ใช่ชาวเมียนมาหรือชาวต่างชาติ แต่เป็นผู้ร้ายหลบหนีเข้าเมียนมาอย่างผิดกฎหมายจากประเทศเพื่อนบ้าน
แม้สื่อทางการเมียนมาจะไม่ได้กล่าวถึงไทยโดยตรง แต่ก็ได้หยิบยกกรณีของ 'ซิงซิง' พร้อมอธิบายพฤติการณ์ของเหตุอย่างละเอียด ตั้งแต่การที่ 'ซิงซิง' ถูกหลอกผ่านแอปฯ WeChat ว่าติดต่อมาจากบริษัทบันเทิงไทยแห่งหนึ่ง เขาหลงเชื่อและเดินทางจากจีนมายังประเทศไทยที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนจะเดินทางไปยังอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ข้ามไปยังฝั่งเมียนมา
ในบทความยังอ้างถึงท่าทีของฝ่ายเมียนมาที่ดำเนินการจับกุมชาวต่างชาติที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย สอบสวนและส่งพลเมืองกลับไปยังประเทศต่างๆ พร้อมชี้ว่า บรรดาชาวต่างชาติที่เข้าไปเป็นขบวนการหลอกลวงออนไลน์ ไม่ใช่พลเมืองปกติ แต่เป็นผู้ต้องหาของประเทศนั้นๆ
ไม่รู้ว่าบังเอิญหรืงจงใจ แต่อย่างที่บอกว่า บทความชิ้นนี้ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อกระบอกเสียงรัฐบาลเมียนมา ในวันเดียวกับที่กองทัพไทยส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูง ไปหารือกับผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาพอดี
โดยหนังสือพิมพ์ The Global New Light of Myanmar ฉบับวันนี้ (22 ม.ค.) ลงข่าวหน้าหนึ่ง พร้อมภาพนายทหารระดับสูงของไทย เข้าพบนายพลโซ วิน ผู้นำหมายเลขสอง รองจากพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ที่กรุงเนปิดอว์ของเมียนมา
การพบกันเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (21 ม.ค.) รายงานข่าวระบุว่า นายทหารฝ่ายไทย นำโดยพลโทดิเรก บงการ ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบกและหัวหน้าศูนย์ประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้าน
สื่อเมียนมา ระบุว่า นี่เป็นการหารือระหว่างกองทัพของทั้งสองชาติ เพื่อทำลายขบวนการค้ามนุษย์ และการหลอกลวงออนไลน์บริเวณแนวชายแดน
นอกจากนี้ รายงานฝ่ายเมียนมายังระบุว่า ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับกรณีชาวประมงไทยที่รุกล้ำน่านน้ำเมียนมา และทำการประมงผิดกฎหมายด้วย