จากกรณีที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าจะเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าส่วนใหญ่ของแคนาดาในอัตราที่สูงถึง 25% ล่าสุด นายกรัฐมนตรีแคนาดา จัสติน ทรูโด ออกมาประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ 25% เช่นกัน
“คืนนี้ ผมขอประกาศว่า แคนาดาจะตอบโต้การดำเนินการทางการค้าของสหรัฐฯ ด้วยการขึ้นภาษี 25% สินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ซึ่งมีมูลค่ารวม 1.55 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5.24 ล้านล้านบาท)” ผู้นำแคนาดากล่าวในการแถลงข่าวเมื่อคืนวันที่ 1 ก.พ. ตามเวลาท้องถิ่น
นายกรัฐมนตรีทรูโดกล่าวว่า “ภาษีนำเข้าใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. เป็นต้นไป ตามด้วยภาษีนำเข้าที่จะขยายกว้างขึ้นในอีก 21 วัน เพื่อให้บริษัทและห่วงโซ่อุปทานของแคนาดาสามารถหาทางเลือกอื่นได้”
นายกรัฐมนตรีทรูโดเสริมว่า “ภาษีนำเข้าจะมีขอบเขตกว้างและรวมถึงสินค้าในชีวิตประจำวัน” เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลไม้ ผัก เสื้อผ้าและรองเท้า
นายกรัฐมนตรีแคนาดายังกล่าวอีกว่า รัฐและดินแดนต่าง ๆ กำลังพิจารณา “มาตรการที่ไม่ใช่ภาษีนำเข้าหลายประการ” ซึ่งอาจรวมถึงข้อจำกัด “ที่เกี่ยวข้องกับแร่ธาตุที่สำคัญ การจัดหาพลังงาน และความร่วมมืออื่น ๆ”
ทรูโดบอกว่า “เราจะยืนหยัดอย่างเข้มแข็งเพื่อแคนาดา” เราจะยืนหยัดเข้มแข็งเพื่อให้แน่ใจว่าประเทศของเรายังคงเป็นเพื่อนบ้านที่ดีที่สุดในโลก”
ทางฝั่งเม็กซิโกที่ถูกทรัมป์ขึ้นภาษี 25% เช่นกันก็มีความเคลื่อนไหว โดยประธานาธิบดีเม็กซิโก คลอเดีย เชนบาม กล่าวว่า เม็กซิโกจะดำเนินการตาม “แผนB” ซึ่งรวมถึงการขึ้นภาษีตอบโต้
“ฉันสั่งให้รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจดำเนินการตามแผน B ที่เราดำเนินการอยู่ ซึ่งรวมถึงมาตรการภาษีศุลกากรและมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากรเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเม็กซิโก” เชนบอมกล่าว แต่ยังไม่ชัดเจนว่ามาตรการตอบโต้จะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง
ส่วนจีนซึ่งถูกขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า 10% นั้น กระทรวงพาณิชย์ของจีนได้ออกมาตอบโต้ โดยแสดงความไม่พอใจอย่างยิ่งกับเรื่องนี้และคัดค้านอย่างหนักแน่น โดยระบุว่าเป็น “การละเมิดกฎขององค์การการค้าโลก (WTO) อย่างร้ายแรง”
กระทรวงพาณิชย์ของจีนระบุว่า มาตรการดังกล่าวสร้างความเสียหายต่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ
กระทรวงพาณิชย์ของจีนระบุว่าจะยื่นฟ้องต่อองค์การการค้าโลก (WTO) เพื่อดำเนินคดีกับสหรัฐฯ ในข้อหา “ปฏิบัติไม่ถูกต้อง” และจะใช้มาตรการตอบโต้เพื่อ “ปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของตนเอง”
“จีนเรียกร้องให้สหรัฐฯ แก้ไขแนวทางที่ผิดพลาด และร่วมมือกับจีนเพื่อเผชิญหน้ากับปัญหา เข้าร่วมการเจรจาอย่างตรงไปตรงมา เสริมสร้างความร่วมมือ และจัดการความแตกต่างบนพื้นฐานของความเท่าเทียม ประโยชน์ร่วมกัน และความเคารพซึ่งกันและกัน” กระทรวงพาณิชย์จีนระบุ