ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ข้อความบน Truth Social ระบุว่า หากแคนาดากลายมาเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ จะไม่ต้องเผชิญกับมาตรการตั้งกำแพงภาษี ขณะเดียวกันชาวแคนาดาจะจ่ายภาษีน้อยกว่าเดิม และได้รับความคุ้มครองทางทหารที่ดีขึ้นกว่าเดิมด้วย
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังระบุว่า การตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% และจีน 10% นั้น อาจส่งผลกระทบในเชิงลบบ้าง แต่ยืนยันว่า ผลลัพธ์จะคุ้มค่าต่อการสร้างหลักประกันเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐฯ
ข้อความล่าสุดของผู้นำสหรัฐฯ เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากลงนามคำสั่งตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจำนวนมากจากทั้ง 3 ประเทศ เพื่อแก้ปัญหาการเข้าเมืองผิดกฎหมายและการขนส่งยาเสพติด
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีแคนาดา จัสติน ทรูโด ประกาศจะตอบโต้สหรัฐฯ ด้วยการตั้งกำแพงภาษีในอัตรา 25% กับสินค้าของสหรัฐฯ มูลค่ากว่า 1.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5 ล้านล้านบาท
โดยการเริ่มบังคับใช้แบ่งเป็น 2 ช่วงคือ วันที่ 4 ก.พ. แคนาดาจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ มูลค่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 1 ล้านล้านบาทก่อน ส่วนที่เหลือจะเริ่มเก็บในวันที่ 21 ก.พ. เพื่อให้สินค้าในแคนาดามีเวลาปรับตัว
ส่วนเม็กซิโก ประธานาธิบดี คลอเดีย เชนบาม สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามแผนรับมือที่จัดเตรียมไว้แล้ว ซึ่งรวมถึงมาตรการภาษีศุลกากรและมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากรเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเม็กซิโก
ด้านกระทรวงพาณิชย์ของจีนระบุว่า จะใช้มาตรการตอบโต้อย่างเท่าเทียมกันต่อสหรัฐฯ เพื่อปกป้องสิทธิ์และผลประโยชน์ของจีน นอกจากนั้นจะยื่นฟ้องร้องสหรัฐฯ ต่อองค์การการค้าโลก หรือ WTO ด้วย