เมื่อวันที่ 9 มี.ค. พรรคเสรีนิยมซึ่งเป็นพรรครัฐบาลแคนาดา ได้จัดการประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ที่จะมานั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน จัสติน ทรูโด ที่ประกาศลาออกเมื่อต้นเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา
ผลปรากฏว่า “มาร์ก คาร์นีย์” นักเศรษฐศาสตร์และอดีตผู้ว่าการธนาคารกลางแคนาดา ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคเสรีนิยม ซึ่งจะมีผลทันที และคาดว่าจะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งนายกฯ ในเร็ววันนี้
นอกจากนี้ คาร์นีย์จะเป็นผู้นำพรรคในการลงสนามแข่งศึกเลือกตั้งระดับประเทศครั้งต่อไป ซึ่งต้องจัดขึ้นก่อนเดือน ต.ค. โดยอาจต้องเผชิญการแข่งขันที่ดุเดือดกับ ปิแอร์ ปอยลิเยฟร์ ผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยม ซึ่งขณะนี้มีคะแนนนิยมนำ
สิ่งที่หลายคนจับตามองคือท่าทีของคาร์นีย์ต่อความสัมพันธ์ที่เสื่อมถอยระหว่างแคนาดากับสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ตำหนิแคนาดาซ้ำแล้วซ้ำเล่าในเรื่องผู้อพยพเข้าประเทศผิดกฎหมาย ขู่จะเปลี่ยนแคนาดาเป็นรัฐที่ 51 และกำหนดภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาในอัตราสูง
ในการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งแรกของเขาภายหลังผลการเลือกหัวหน้าพรรค คาร์นีย์ได้กล่าวถึงความตึงเครียดกับสหรัฐฯ โดยบอกว่า รัฐบาลของเขาจะ “สร้างความสัมพันธ์ทางการค้าใหม่กับพันธมิตรทางการค้าที่เชื่อถือได้” และยังให้คำมั่นว่า จะคงภาษีศุลกากรตอบโต้ต่อสหรัฐฯ “จนกว่าสหรัฐฯ จะแสดงความเคารพต่อเรา”
เขากล่าวว่า “ภัยคุกคามใหม่ต้องการแนวคิดใหม่และแผนใหม่”
คาร์นีย์ยังวิพากษ์วิจารณ์แผนภาษีของรัฐบาลทรัมป์โดยกล่าวว่า “เขากำลังโจมตีครอบครัว คนงาน และธุรกิจของชาวแคนาดา และเราไม่สามารถปล่อยให้เขาประสบความสำเร็จได้ และเราจะไม่ทำอย่างนั้นด้วย ... เช่นเดียวกับฮอกกี้ ในศึกการค้า แคนาดาจะชนะ”
หัวหน้าพรรคเสรีนิยมคนใหม่ยังบอกด้วยว่า “อเมริกาไม่ใช่แคนาดา และแคนาดาจะไม่มีวันเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกาไม่ว่าในรูปแบบใดก็ตาม”
ทั้งนี้ ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา พรรคอนุรักษ์นิยมมีคะแนนนำลดลง เนื่องจากทรูโด, คาร์นีย์ และบุคคลสำคัญอื่น ๆ ในพรรคเสรีนิยมแสดงจุดยืนที่ชัดเจนต่อข้อพิพาททางการค้ากับสหรัฐฯ
ขณะที่ทางด้านทรูโดได้กล่าวคำปราศรัยสุดท้ายในฐานะหัวหน้าพรรคเสรีนิยม โดยเตือนว่า ชาวแคนาดากำลังเผชิญกับ “ความท้าทายในการดำรงอยู่” จากสหรัฐฯ
“นี่เป็นช่วงเวลาที่จะกำหนดประเทศของเรา ขณะนี้ ชาวแคนาดากำลังเผชิญกับความท้าทายในการดำรงอยู่และวิกฤตเศรษฐกิจจากเพื่อนบ้านของเรา แต่เราชาวแคนาดาจะแสดงให้เห็นชัดเจนว่า เราทำอะไรได้บ้าง” ทรูโดกล่าว
เรียบเรียงจาก CNN