กองทัพอิสราเอลโจมตีทางอากาศใส่สนามบินหลักของเยเมนในกรุงซานาเมื่อวันที่ 6 พ.ค. เป็นการโจมตีกลุ่มฮูตีครั้งที่ 2 ในรอบ 2 วัน หลังจากที่กลุ่มฮูตียิงขีปนาวุธตกใกล้สนามบินเบนกูเรียนของอิสราเอล
ผู้อำนวยการสนามบินซานากล่าวกับสื่อของกลุ่มฮูตีเมื่อวันที่ 7 พ.ค. ว่า การโจมตีของอิสราเอลสร้างความเสียหายราว 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.6 หมื่นล้านบาท) โดยมีเครื่องบินถูกทำลาย 6 ลำ ในจำนวนนี้เป็นเครื่องบินของ Yemenia Airways 3 ลำ ทำให้สายการบินแห่งชาติของเยเมนเหลือเครื่องบินเพียงลำเดียว ซึ่งตอนนี้อยู่ที่โอมาน
นอกจากนี้ การโจมตีดังกล่าวยังทำลายอาคารผู้โดยสารและอาคารจัดเก็บสัมภาระด้วย
ล่าสุด โฆษกกระทรวงกลุ่มฮูตีแถลงว่าได้ส่งโดรนจำนวนหลายลำโจมตีเป้าหมายในอิสราเอล เพื่อตอบโต้การโจมตีดังกล่าวแล้ว
ข้อมูลจากกลุ่มฮูตีระบุว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 ราย และบาดเจ็บอีก 74 คนจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในหลายพื้นที่ของเยเมนเมื่อวันที่ 6 พ.ค. รวมถึงที่สนามบินซานา
ทั้งนี้ กลุ่มฮูตีได้โจมตีเรือสินค้าที่ผ่านทะเลแดง ทะเลอาหรับ ช่องแคบบับเอลมันเดบ และอ่าวเอเดน ตั้งแต่เดือน พ.ย. ปี 2023 เพื่อแสดงการสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา
กลุ่มฮูตีได้หยุดการโจมตี หลังอิสราเอลและกลุ่มฮามาสประกาศหยุดยิงในกาซาในเดือน ม.ค. แต่กลับมาโจมตีอีกครั้งหลังอิสราเอลเริ่มโจมตีกาซารอบใหม่ในเดือน มี.ค.
เยเมนเผชิญกับการโจมตีอย่างรุนแรงจากสหรัฐฯ ตั้งแต่กลางเดือนมี.ค. ซึ่งส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตหลายร้อยราย
ล่าสุด สหรัฐฯ และกลุ่มฮูตีได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 6 พ.ค. แต่กลุ่มฮูตีก็ระบุว่า ข้อตกลงหยุดยิงกับสหรัฐฯ ไม่ได้ครอบคลุมไปถึงอิสราเอล ซึ่งบ่งชี้ว่าการโจมตีเรือสินค้าที่ส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศจะไม่หยุดลงโดยสิ้นเชิง