ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวในการแถลงข่าวช่วงท้ายของการประชุมสุดยอดนาโตที่กรุงเฮกของเนเธอร์แลนด์ว่า จะมีการพบหารือระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่านในสัปดาห์หน้า เพื่อเจรจาเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านอีกครั้ง โดยสหรัฐฯ จะยึดข้อเรียกร้องเดียวกับการเจรจาก่อนหน้านี้ นั่นก็คืออิหร่านต้องไม่มีนิวเคลียร์ ก่อนที่ความตึงเครียดในตะวันออกกลางจะปะทุขึ้น
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ยังคงย้ำว่า ข้อตกลงไม่น่าจำเป็นขนาดนั้น เนื่องจากสหรัฐฯ ได้ทำลายความสามารถด้านนิวเคลียร์ของอิหร่านไปแล้ว
“เราจะพูดคุยกับพวกเขาในสัปดาห์หน้า กับอิหร่าน อาจจะมีการลงนามข้อตกลงก็ได้ ผมไม่แน่ใจ สำหรับผม ผมไม่คิดว่ามันจำเป็นขนาดนั้น พวกเขามีสงครามกัน ต่อสู้กัน แล้วตอนนี้ก็กลับไปใช้ชีวิตของตัวเอง” ทรัมป์กล่าว
เขาเสริมว่า “ผมไม่สนใจเลยว่าจะมีข้อตกลงหรือไม่ สิ่งเดียวที่เราจะเรียกร้องก็คือสิ่งที่เราเคยเรียกร้องมาก่อน เราไม่ต้องการให้อิหร่านมีนิวเคลียร์ แต่เราก็ได้ทำลายมันไปแล้ว พูดอีกอย่างก็คือ มันถูกทำลายไปแล้ว ผมพูดว่า อิหร่านจะต้องไม่มีนิวเคลียร์ เราระเบิดมันไปแล้ว มันระเบิดจนย่อยยับ ผมเลยไม่รู้สึกว่ามันสำคัญขนาดนั้น แต่ถ้าเราได้ข้อตกลงมาสักฉบับ ก็คงไม่เลว”
ทั้งนี้ ทรัมป์และรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีต เฮกเซธ ยอมรับว่า ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับระดับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านจากการทิ้งระเบิดของสหรัฐฯ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังมีรายงานข่าวกรองของเพนตากอนรั่วไหลออกมาว่า การโจมตีดังกล่าวทำให้โครงการของอิหร่านล่าช้าออกไปเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น
โดยทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวในการประชุมสุดยอดนาโตที่กรุงเฮกว่า ข่าวกรองนั้นยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน ซึ่งนี่ถือเป็นการแสดงความไม่แน่ใจครั้งแรกของทรัมป์ หลังจากที่เขายืนยันอย่างหนักแน่นมาหลายวันว่า โครงการนิวเคลียร์อิหร่านถูกทำลายแล้วโดยสิ้นเชิง
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ทรัมป์ก็โพสต์ผ่าน Truth Social โดยอ้างอิสราเอลและกลับมายืนยันอีกครั้งว่า “ที่ตั้งนิวเคลียร์ถูกทำลายสิ้นซากแล้ว รวมถึงที่อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง”
จากนั้นในช่วงดึก จอห์น แรตคลิฟฟ์ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาง หรือซีไอเอ (CIA) ก็ออกแถลงการณ์ว่า ข่าวกรองที่เชื่อถือได้ระบุว่า โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง และจะต้องใช้เวลาหลายปีในการฟื้นฟู