หลายคนอาจเคยได้ยินว่า “สัตว์เลี้ยง” สามารถช่วยบรรเทาหรือรักษาอาการเจ็บป่วยบางอย่างได้ หนึ่งในนั้นคือ “โรคสมองเสื่อม” (Progressive Dementia) ซึ่งเป็นโรคที่ปัจจุบันยังไม่มีทางรักษาได้
วากายามะ มิจิฮิโกะ ผู้อำนวยการบ้านพักคนชราพิเศษ ซากุระ โนะ ซาโตะ ยามาชินะ ที่ผู้สูงอายุสามารถอยู่ร่วมกับสัตว์เลี้ยงได้ ได้เปิดเผยกับคอลัมน์ Yomiuri Dr. ของหนังสือพิมพ์ Yomiuri ถึง “ปาฏิหาริย์เล็ก ๆ น้อย ๆ” ที่ทำให้เชื่อว่า สัตว์เลี้ยงสามารถรักษาโรคสมองเสื่อมได้
วากายามะได้หยิบยกกรณีที่น่าเหลือเชื่อ ซึ่งอาการของภาวะสมองเสื่อมดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อโดยมีผลมาจาก “สัตว์เลี้ยง”
กรณีแรกคือปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2012 ไม่นานหลังจากบ้านพักเปิดทำการ
ซาโตะ โทกิ ซาโตะ (นามสมมติ) หญิงวัย 80 กว่าปีในขณะนั้น ซึ่งย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านพัก เธอมีอาการสมองเสื่อมรุนแรง และจำหน้าหรือชื่อสมาชิกในครอบครัวไม่ได้ พูดไม่ได้ มักดูไม่มีสีหน้า ครอบครัวของเธอซึ่งเป็นคนรักสุนัขตัวยง ต่างหวังว่า การได้อยู่ร่วมกับสุนัขอาจช่วยให้เธอมีกำลังใจที่ดีขึ้น จึงได้ย้ายเธอมาอยู่ที่ซากุระ โนะ ซาโตะ ยามาชินะ
ที่นั่น เธอได้พบสุนัขตัวหนึ่งชื่อว่า “บุนปุกุ” และเพียงไม่กี่วันหลังจากย้ายเข้ามา ซาโตะกลับร้องเรียกบุนปุกุว่า “โปจิ!” ซึ่งแค่นี้ก็ถือเป็นปาฏิหาริย์สำหรับครอบครัวแล้ว เพราะซาโตะไม่สามารถพูดหรือขยับตัวได้เองมาหลายปี
การฟื้นตัวอย่างน่าอัศจรรย์ของซาโตะยังคงดำเนินต่อไป เธอสามารถเรียกชื่อบุนปุกุได้อย่างถูกต้อง และในที่สุดก็จำชื่อลูกชายของเธอได้เมื่อเขามาเยี่ยม วากายามะบอกว่า ลูกชายซึ่งไม่เคยคิดว่าจะได้ยินแม่เรียกชื่อเขาอีกเลย ร้องไห้โฮออกมา
กรณีที่สอง เป็นเรื่องราวของ “โคโค่” และเจ้าของที่ชื่อว่า ฮาชิโมโตะ ยูกิโยะ (นามสมมติ) ขณะนั้นเธออายุ 70 กว่าปีแล้ว
เดิมทีโคโค่และฮาชิโมโตะอาศัยอยู่ในบ้านพักคนชราแบบเสียค่าบริการแห่งอื่น แต่ภาวะสมองเสื่อมของฮาชิโมโตะแย่ลงและบ้านพักคนชราไม่สามารถรองรับเธอได้อีกต่อไป พวกเขาจึงย้ายไปอยู่ที่ซากุระ โนะ ซาโตะ ยามาชินะ
โคโค่และฮาชิโมโตะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายจนกระทั่งฮาชิโมโตะต้องเข้าโรงพยาบาลหลังจากหกล้มและกระดูกหัก และมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น ระหว่างที่รักษาตัวอยู่ อาการสมองเสื่อมของฮาชิโมโตะก็ทรุดลงอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เรื่องแปลกที่อาการสมองเสื่อมจะทรุดลงเมื่อคนไข้ต้องเข้ารับการรักษาในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ใช้ชีวิตอยู่บนเตียงทั้งวันโดยไม่ทำอะไรเลย
ฮาชิโมโตะกลับมาที่ ซากุระ โนะ ซาโตะ ยามาชินะ อีกครั้ง โดยไม่สามารถขยับตัวหรือพูดได้ แม้แต่ตอนที่โคโค่กระโดดใส่เธอด้วยความดีใจ เธอก็ยังไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย และไม่แม้แต่จะมองโคโค่ด้วยซ้ำ
แต่โคโค่ไม่เคยยอมแพ้ แม้ตอนที่ฮาชิโมโตะเพิกเฉย โคโค่ก็ยังคงอยู่เคียงข้างและคอยเฝ้ามองเธออยู่เสมอ
ไม่กี่เดือนต่อมา ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น ฮาชิโมโตะซังกลับมาเรียกสุนัขพุดเดิลของเธอว่า “โคโค่” ได้อีกครั้ง นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอพูดได้ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล จากนั้นเขาก็เริ่มลูบโคโค่ และค่อย ๆ พูดมากขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดก็สามารถพูดคุยกับเจ้าหน้าที่บ้านพักคนชราได้ และแม้กระทั่งเข้าห้องน้ำเองได้
กรณีที่สาม เป็นเรื่องของ ไซโตะ โคสุเกะ (นามสมมติ) เป็นชายวัย 80 กว่าปี เขาเป็นคนรักแมวตัวยง เลี้ยงแมวไว้มากกว่า 50 ตัวตั้งแต่ยังเด็ก แต่เมื่ออายุ 80 ปีกว่า เขาก็เลิกเลี้ยงแมวไปอย่างกะทันหัน จู่ ๆ เขาก็เกิดภาวะสมองเสื่อม เขาจะลืมสิ่งที่กินเข้าไป สูญเสียความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน และกลายเป็นคนเฉื่อยชาโดยสิ้นเชิง ครอบครัวของเขาจึงตัดสินใจย้ายเขาไปอยู่ที่ซากุระ โนะ ซาโตะ ยามาชินะ บ้านพักคนชราที่มีแมวอาศัยอยู่ โดยหวังว่าเขาจะรู้สึกดีขึ้นบ้าง
ประโยชน์ของการอยู่ร่วมกับแมวนั้นเกินความคาดหมายของครอบครัวไปมาก เรี่ยวแรงของไซโตะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาถึงกับเข็นรถเข็นให้ “โทระ” แมวในบ้านพัก ทำให้เขาเดินได้อย่างมั่นคง เขารักการร้องเพลง และมักจะร้องเพลงโดยมีโทระนั่งบนตักเสมอ
ส่วนกรณีสุดท้าย ออกจะต่างจากคนอื่นอยู่เล็กน้อย เนื่องจากอาการของผู้ป่วยไม่ได้ดีขึ้น แต่ “เอาชนะ” อาการบางอย่างของโรคสมองเสื่อมได้
“อาราชิ” สุนัขในบ้านพัก มีอาการโรคลมชักรุนแรงเรื้อรัง นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้มันถูกเจ้าของคนก่อนทำร้าย มันกลัวผู้คนอย่างผิดปกติ มันยังกลัวสุนัขตัวอื่นด้วย และมักจะซ่อนตัวอยู่ในเงามืด ตัวสั่นเทา
ยามาดะ โยชิเอะ (นามสมมติ) เป็นหญิงวัย 80 กว่าปีในขณะนั้น เธอมีภาวะสมองเสื่อมชนิด Lewy body ซึ่งจะมีอาการภาพหลอนร่วม
ยามาดะมีอาการประสาทหลอน โดยตอนกลางคืนจะมีสิ่งน่ากลัวปรากฏขึ้น และเธอจะกลัวจนนอนไม่หลับ
เนื่องจากเธอนอนไม่หลับในเวลากลางคืน จึงมักงีบหลับตลอดทั้งวัน ทำให้กิจกรรมในตอนกลางวันของเธอลดลง ส่งผลให้ความอยากอาหารลดลง ซึ่งหมายความว่า เธอกินอาหารไม่เพียงพอ ร่างกายจึงอ่อนแอลง และภาวะที่ร่างกายอ่อนแอลงนี้ยิ่งทำให้ภาวะสมองเสื่อมแย่ลง เป็นวงจรอันน่าเศร้า
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ยามาดะเริ่มกังวลเกี่ยวกับอาราชิ เธอมักจะถามเจ้าหน้าที่บ้านพักคนชราว่า “เกิดอะไรขึ้นกับสุนัขที่น่าสงสารตัวนั้น” จากนั้นก็จะเรียกอาราชิและลูบไล้เขาอย่างรักใคร่
อาราชิที่ไม่เคยเปิดใจกับใครมาก่อน แต่กลับผูกพันกับยามาดะอย่างน่าประหลาด และเริ่มอยู่เคียงข้างยามาดะตลอดเวลา แม้กระทั่งนอนกับเธอในห้อง แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น ยามาดะสามารถนอนหลับสนิทในตอนกลางคืนได้
ทั้งนี้ อาการสมองเสื่อมของยามาดะยังคงเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม ยามาดะบอกว่า ตอนกลางคืนมีสิ่งน่ากลัวปรากฏขึ้น แต่เธอไม่กลัว เพราะอาราชิคอยปกป้อง
ยามาดะจึงไม่ได้หายจากอาการสมองเสื่อม แต่เธอ “เอาชนะ” มันได้ด้วยความช่วยเหลือของอาราชิ
วากายามะบอกว่า จริง ๆ แล้ว การบำบัดด้วยสัตว์เลี้ยงไม่ใช่เป้าหมายของบ้านพัก แต่เพียงแค่สนับสนุนผู้สูงอายุที่ต้องการใช้ชีวิตอยู่กับสัตว์เลี้ยง เพื่อให้ผู้สูงอายุมีความสุข และทำให้สัตว์เลี้ยงมีความสุขด้วยเช่นกัน อาการโรคสมองเสื่อมที่ดีขึ้นเป็นเพียงผลพลอยได้ที่ไม่คาดคิด
เรียบเรียงจาก Yomiuri