นับตั้งแต่ความพยายามที่จะพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ครั้งแรก มีนักปีนเขาที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกนี้แล้วเกือบ 300 คน โดยคาดว่าศพของผู้เสียชีวิตกว่า 2 ใน 3 ยังคงถูกฝังอยู่ในหิมะและน้ำแข็ง แต่ผลจากภาวะโลกร้อน ทำให้แผ่นน้ำแข็งและธารน้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็ว และศพนักปีนเขาที่เสียชีวิตและถูกฝังมาตลอดเวลาที่ผ่านมาก็เริ่มปรากฏให้เห็น
ในปี 2017 มือของนักปีนเขาที่เสียชีวิตโผล่ออกมาจากพื้น ที่แคมป์ วัน ซึ่งบริษัทนำเที่ยวต้องจ้างนักปีนเขาอาชีพของกลุ่มเชอร์ปามาเคลื่อนย้ายศพออกไป อีกจุดที่พบศพนักปีนเขาโผล่ขึ้นมาคือบริเวณแคมป์ โฟร์ หรือที่เรียกว่าเซาท์คอล
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จากสมาคมผู้ให้บริการนำเที่ยวแห่งเนปาล บอกว่าการจัดการกับศพไม่ใช่เรื่องง่ายเนื่องจากกฎหมายเนปาลกำหนดว่าหน่วยงานรัฐบาลต้องเข้ามีส่วนร่วมในการจัดการกับศพด้วย
นอกจากนี้ การกู้และเคลื่อนย้ายศพยังมีค่าใช้จ่ายสูงและทำได้ยากลำบาก เนื่องจากศพอยู่ในสภาพถูกแช่แข็งและอาจมีน้ำหนักถึง 150 กิโลกรัม ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าการนำศพลงมาอาจมีค่าใช้จ่ายถึง 40,000 ถึง 80,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ราว 1.2 ล้านบาท ถึง 2.5 ล้านบาท