เมื่อวานนี้ ประชาชนชาวเช็กนับแสนคนคนจัดการชุมนุมครั้งใหญ่ที่สุดหลังการล่มสลายของระบอบคอมนิวนิสต์ เพื่อขับไล่นายกรัฐมนตรี อันเดรจ บาบิส (Andrej Babis) ที่ถูกกล่าวหาว่ายังคงมีผลประโยชน์ทับซ้อนในบริษัทที่ตัวเขาเคยเป็นเจ้าของ

จตุรัสเวนเซสลาส ในกรุงปรากของสาธารณรัฐเช็คเนืองแน่นไปด้วยประชาชนที่ออกมาชุมนุมเรียกร้องให้ นายกรัฐมนตรี อันเดรจ บาบิส ลาออกจากตำแหน่ง โดยผู้จัดการชุมนุมเชื่อว่าการชุมนุมในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมประมาณ 120,000 คน นับเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศนับตั้งแต่การประท้วงที่เรียกว่า “การปฏิวัติกำมะหยี่” เมื่อปี 1989 ซึ่งนำไปสู่การล่มสลายของระบอบคอมมิวนิสต์ของประเทศ ที่ตอนนั้นยังใช้ชื่อว่าเชโกสโลวาเกีย
สำหรับการชุมนุมขับไล่ บาบิส เริ่มมีผู้เข้าร่วมมากขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย. ซึ่งตำรวจมีความเห็นว่าควรสั่งฟ้องบาบิส จากกรณีทุจริตใช้เงินอุดหนุนภาคเกษตรที่ได้จากสหภาพยุโรป
ขณะที่ร่างรายงานของคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปสรุปว่า บาบิส ควรคืนเงินอุดหนุนให้สหภาพยุโรปประมาณ 17.5 ล้านยูโร หรือประมาณ 500 ล้านบาท ร่างรายงานดังกล่าวยังพบว่า บาบิสคือผู้ได้รับผลประโยชน์แต่เพียงผู้เดียวจากบริษัทด้านการเกษตร “อะโกรเฟิร์ต” ที่ได้รับเงินอุดหนุนจากสหภาพยุโรป โดย บริษัทดังกล่าวก่อตั้งโดยบาบิส แต่ตัวเขาได้โอนหุ้นทั้งหมดให้กับกองทุนด้านจัดการสินทรัพย์ ก่อนจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 2017
ติดตามข่าววันนี้ได้ที่นี่ >> www.pptvhd36.com/tags/ข่าววันนี้