จากกรณีที่ด้านนายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ออกมาระบุว่า จากการที่พระราชบัญญัติ ส่งเสริมการพัฒนาและคุ้มครองสถาบันครอบครัว พ.ศ. 2562 ประกาศใช้แล้วและจะทำให้ สามารถเอาผิดกรณีการสูบบุหรี่ในบ้านได้
อย่างไรก็ตามเมื่อไปเปิดดูจะเห็นว่า พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว ไม่ได้เขียนไว้ตรงตัว ว่าการสูบบุหรี่ในบ้านเป็นความผิดตามกฎหมาย แต่ก็เขียนไว้ให้สามารถตีความ
โดยการตีความดังกล่าวต้องดูคำนิยามในมาตรา 4 วรรหนึ่งและวรรคสองประกอบกัน โดย วรรคหนึ่งได้นิยามคำว่า “ความรุนแรงในครอบครัว” หมายถึว การกระทำใดๆที่บุคคลในครอบครัวได้กระทำต่อกันโดยเจตนาให้เกิดหรือลักษณะที่น่าจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย จิตใจ ใจ สุขภาพ เสรีภาพ หรือชื่อเสียงของบุคคลในครอบครัว หรือบังคับหรือใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรมให้บุคคลในครอบครัวต้องกระทำการ ไม่กระทำการ หรือยอมรับการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดโดยมิชอบ”
และวรรคสองนิยามคำว่า “บุคคลในครอบครัว” ซึ่งหมายถึง “บุพการี คู่สมรส คู่สมรสเดิม ผู้ที่อยู่กิน หรือเคยอยู่กินฉันสามีภรรยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส บุตรบุญธรรม รวมทั้งบุคคลใดๆที่ต้องพึ่งพาอาศัยและอยู่ในครัวเรือนเดียวกัน”
จากทั้งสองวรรค มีคำบ่งชี้ที่สำคัญคือ “ก่อให้เกิดอันตรายแต่ สุขภาพ” และ “บุคคลใดๆที่ต้องพึ่งพาอาศัยและอยู่ในครัวเรือนเดียวกัน”
ทำให้มีการตีความว่า การสูบบุหรีนั้นก็ทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของคนที่อาศัยอยู่ในบ้านหรือในครัวเรือนเดียวกัน
ผิดกฎหมาย !! สูบบุหรี่ในบ้าน ดีเดย์ 20 ส.ค.นี้
ทอท. ยกเลิก “ห้องสูบบุหรี่”ภายในอาคารท่าอากาศยานทุกแห่ง
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่า หากเห็นใครสูบบุหรี่ในบ้านแล้วสามารถแจ้งจับ หรือจะเป็นความผิดไปเสียทั้งหมด โดย นายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ระบุว่า หากได้รับผลกระทบหรือพบเห็นผู้ที่ได้รับผลกระทบก็สามารถร้องไปศูนย์ส่งเสริมและคุ้มครองครอบครัว ที่มีอยู่ทุกจังหวัด หรือ พม.จังหวัดได้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดูแล และให้บุคลากรทางการแพทย์พิสูจน์ว่าได้รับผลกระทบทางสุขภาพจากการสูบบุหรี่จริงหรือไม่ หากได้รับผลกระทบจริง หัวหน้าศูนย์ส่งเสริมฯ สามารถยื่นคำร้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลางภายใน 48 ชั่วโมง เพื่อให้มีการคุ้มครองสวัสดิภาพ
“ซึ่งการตีความเช่นนี้ก็มิใช่เพียงบุหรี่ แต่หากได้รับผลกระทบจากยาเสพติดหรือสุราก็สามารถร้องเอาผิดได้” นายเลิศปัญญาระบุ
ทั้งนี้ในกฎหมายฉบับดังกล่าวมาตรา 23 ระบุว่า ผู้ใดพบเห็นหรือทราบว่ามีการกระทำความรุนแรงในครอบครัว ให้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ โดยสามารถแจ้งได้ทั้งเป็นหนังสือ โทรศัพท์วิธีการอีเล็กโทรนิกส์ หรือวิธีการอื่นใด และเมื่อได้รับแจ้งศูนย์ส่งเสริมและคุ้มครองครอบครัวต้องตรวจสอบโดยไม่ชักช้า และให้ยื่นต่อศาลตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 24
โดยในมาตรา 29 หากมีความเห็นสมควรให้คุ้มครองสวัสดิภาพ ให้ยื่นร้องต่อศาลเพื่อมีคำสั่งคุ้มครอง โดย ต้องดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด ไม่ว่าจะเป็น ให้ผู้กระทำไปพบเจ้าพนักงานตามระยะเวลา การห้ามเสพสิ่งเสพติด หรือการให้เข้ารับการบำบัด รวมถึงสั่งให้ถอนการเป็นผู้อนุบาล
อย่างไรก็ตามยังไม่ได้มีการระบุชัดว่าการสูบบุหรี่ในบ้านมีโทษทางอาญาหรือไม่
แต่ตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว 2550 มาตรา 4 ระบุว่าต้องโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 6 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ