เมื่อวันที่ (4 ก.ค. 62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางมณีรัตน์ คงหอม ผู้เสียหายได้ประสานกับนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อเข้าร้องเรียนต่อนายแพทย์พิทักษ์พล บุณยมาลิก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ที่รับผิดชอบเขตภาคใต้ตอนบน โดยขอให้ตรวจสอบกรณีที่นางนณีรัตน์ ถูกโรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช ตรวจเชื้อ เอชไอวี ผิดพลาดเมื่อ 5 ปีก่อน
นางมณีรัตน์ เปิดเผยว่า เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ขณะที่ตัวเองไปคลอดลูกคนที่ 4 ที่โรงพยาบาลของรัฐ ในอำเภอทุ่งสง แล้วได้รับแจ้งจาก โรงพยาบาลว่าผลเลือดเป็นบวก มีเชื้อ เอชไอวี ทำให้ตัวเองและลูกต้องเข้าสู่ระบบรักษากินยาต้านไวรัส แต่นางนณีรัตน์ยอมรับว่าให้ลูกกินยาเพียงคนเดียว ตัวเองไม่ได้กิน เพราะไม่มีกำลังใจจะรักษา
ต่อมากมีลูกคนที่ 5 อีก ซึ่งไปทำคลอดที่โรงงพยาบาลเดิม ผลเลือดก็ออกมาเป็นบวก ทำให้ต้องหอบครอบครัวย้ายไปอยู่ที่จังหวัดพิษณุโลก เพราะสังคมในพื้นที่ไม่ยอมรับ รู้สึกอับอายและถูกกีดกันจากสังคมที่อยู่อาศัย กระทั่งล่าสุดมีสามีใหม่ อยู่กินกันมาจนมีลูกคนที่ 6 แต่ปรากฏว่า โรงพยาบาลชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก ที่นางมณีรัตน์ไปคลอด แจ้งผลตรวจอย่างละเอียดในปี 2561 ว่าไม่พบเชื้อ เอชไอวี จึงย้อนกลับไปตรวจซ้ำที่ โรงพยาบาลเดิมในอำเภอทุ่งสง และพบว่าไม่เจอผลบวกในเลือดอีก
ด้านนายแพทย์พิทักษ์พล บุณยมาลิก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่าตอนนี้มีคำสั่งให้โรงพยาบาลดังกล่าวใน อำเภอทุ่งสงชี้แจงกลับมา เพราะการตรวจเชื้อ เอชไอวี ของโรงพยาบาลรัฐ มีมาตรฐานเดียวกันหมด ซึ่งต้องดูว่าโรงพยาบาลนี้ ผิดพลาดที่เครื่องมือหรือเทคนิค และจะสอบถึงระบบการตรวจซ้ำว่าเป็นอย่างไร
นายแพทย์พิทักษ์พล ระบุว่า การตรวจช่วงตั้งครรภ์ ต้องตรวจอย่างละเอียด เพราะมีโอกาสผลเลือดลวง ซึ่งถ้าพบการทำงานที่ไม่รอบคอบของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล จะมีความผิดตามระเบียบกระทรวงที่บัญญัติไว้ ส่วนการเยียวยาจะดำเนินการหลังการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ส่วนประเด็นข้างเคียงของเด็กจากการกินยาต้านไวรัส นายแพทย์พิทักษ์พล ระบุว่า มีผลเล็กน้อย ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่จะให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจอาการอย่างละเอียด