และวันที่ 1 ตุลาคม ที่จะถึงนี้ จะเป็นการเก็บภาษีความหวานรอบที่ 2 โดยก่อนหน้านี้ มีผลไปแล้วหลังคณะรัฐมนตรีมีมติที่เกี่ยวข้องกับภาษีสรรพสามิต ปรับเกณฑ์การเสียภาษีสินค้าทุกชนิดที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต รวมถึง ภาษีความหวานด้วย โดยมีผลตั้งแต่ 16 กันยายน 2561 โดย แบ่งเป็น 6 ระดับ คือ น้ำตาล 0-6 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร ไม่เสียภาษี
เป๊บซี่ขึ้นราคาน้ำอัดลม 3 ขนาด เซ่นภาษีความหวาน
คนไทยเป็นคนหวานๆ เพราะกินน้ำตาล 28 ช้อนชา/วัน
สาย “ชาไข่มุก” ต้องรู้น้ำตาลสูงเสี่ยงเบาหวาน บางแก้วเกือบ 19 ช้อนชา
ค่าความหวาน 10-14 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 50 สตางค์ต่อลิตร
ค่าความหวาน 14-18 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 1 บาทต่อลิตร
ค่าความหวาน 18 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร ขึ้นไป เสียภาษี 1 บาทต่อลิตร
ขณะที่อัตราภาษีความหวานรอบ 2 นี้จะปรับเป็น...
น้ำตาล 0-6 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร ไม่เสียภาษี
ค่าความหวาน 10-14 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 1 บาทต่อลิตร
ค่าความหวาน 14-18 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 3 บาทต่อลิตร
ค่าความหวาน 18 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร ขึ้นไป เสียภาษี 5 บาทต่อลิตร
โดยเริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2562 ถึง 30 กันยายน 2564
และการจัดเก็บอัตราภาษีความหวานเป็นผลทำให้ผู้ประกอบการเครื่องดื่มน้ำอัดลม ประกาศแจ้งปรับขึ้นราคาเครื่องดื่มน้ำอัดลม “โค้ก”และ “เป๊ปซี่” สูตรมีน้ำตาลแบบดั้งเดิม เฉลี่ยขวดละ 2-3 บาท
และกว่า 20 ประเทศทั่วโลก เดินหน้าจัดเก็บภาษีความหวานก่อนหน้านี้แล้ว
นอกจากประเทศไทยแล้ว อีกประมาณ 20 ประเทศก็มีการจัดเก็บอัตราภาษีความหวานเช่นเดียวกัน เช่น สหรัฐฯ ( 7รัฐ) อังกฤษ ไอร์แลนด์ สเปน เอสโตรเนีย ฝรั่งเศส โปรตุเกส แอฟริกาใต้ บราซิล ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ ศรีลังกา ออสเตรเลีย ชิลี โคลอมเบีย เดนมาร์ก ฮังการี และ เม็กซิโก เป็นต้น
‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้ขึ้นภาษีน้ำตาลเฉพาะเครื่องดื่มเพียงอย่างเดียวอาจไม่ตรงจุด
สั่งชานมไข่มุกอย่างไร ลดการทำลายสุขภาพ
นักวิทย์เตือนน้ำผลไม้คั้นมีน้ำตาลสูง ไม่ต่างจากน้ำอัดลม
ความตื่นตัวถึงอันตรายต่อสุขภาพจากความหวานเกิดขึ้นเมื่อปี 2016 จากนักโภชนาการ เชฟ โดยอ้างอิงจากองค์การอนามัยโลกถึงปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่ม ซึ่งไม่เพียงแต่เรื่องความหวาน ซึ่งก่อนหน้านั้น 1 ปี รัฐบาลจากหลายประเทศเริ่มมีการจัดเก็บภาษีความหวานมาก่อนแล้วการตื่นตัวเหล่านี้ทำให้อุตสาหกรรมเครื่องดื่มหันมาใช้วิธีการลดขนาดสินค้าลงเพื่อหลีกเลี่ยงการต้องปรับเพิ่มราคา ตลอดจนการออกเครื่องดื่มประเภท “ซีโร่ ชูการ์” หรือ ”โลว์ ชูการ์” ที่มีความหวานน้อยไร้น้ำตาล ไร้แคลอรี แทนการใช้น้ำตาลแบบสูตรเดิม
อีก 5 ปีข้างหน้าเก็บอัตราภาษีสูงสุด น้ำตาลเกิน 10 กรัม เสียภาษี 5 บาทต่อลิตร
ในส่วนของประเทศไทยยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะรอบที่ 3 ของภาษีความหวาน จะมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึง 30 กันยายน 2566 เครื่องดื่ม 100 มิลลิลิตร ปริมาณน้ำตาลไม่เกิน 8 กรัม แต่ไม่เกิน 10 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 1 บาทต่อลิตร ปริมาณน้ำตาล เกิน 10 กรัม แต่ไม่เกิน 14 กรัม เสียภาษี 3 บาทต่อลิตร และหากเกิน 14 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 5 บาทต่อลิตร
และอีกครั้งคือ ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป เครื่องดื่ม 100 มิลลิลิตร ปริมาณน้ำตาลเกิน 6 กรัม ไม่เกิน 8 กรัม เสียภาษี 1 บาทต่อลิตร น้ำตาลเกิน 8 กรัม แต่ไม่เกิน 10 กรัม เสียภาษี 3 บาทต่อลิตร และถ้าน้ำตาลเกิน 10 กรัม เสียภาษี 5 บาทต่อลิตร เป็นอัตราสูงสุด
อึ้ง! พบกาแฟสตาร์บัคส์อาจมีน้ำตาลมากถึง 25 ช้อนชา
7 เคล็ดลับ น้ำตาลจ๋า พี่ลาก่อน
ผลวิจัย ชี้ ดื่มน้ำหวานเพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง
ที่มา : กรมสรรพสามิต , www.foodnavigator-latam.com , www.kerry.com, สสส.