สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยข้อมูลล่าสุดเมื่อเวลา 18:00 น. ของวันที่ 2 ก.ย.2562 ว่า จากกรณีที่ บริษัท บิทคอยน์ จำกัด (BX) ประกาศยุติธุรกิจซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัล ส่งผลทำให้มีนักลงทุนประมาณ 200 คน โทรเข้ามาสอบถาม “ศูนย์แนะนำช่วยเหลือผู้ลงทุนเฉพาะกิจ” โดยส่วนใหญ่เป็นการสอบถามวิธีการโอนเหรียญ การโอนเงิน เปลี่ยนศูนย์ซื้อขายฯ
บริษัท บิทคอยน์ จำกัด ประกาศเลิกธุรกิจซื้อขายเงินดิจิทัล
จากที่ก่อนหน้านี้ ทาง บริษัท บิทคอยน์ จำกัด ให้นักลงทุนสั่งถอนสินทรัพย์ดิจิทัลและเงินออกจากบัญชีที่อยู่ภายใต้ ระบบ BX.in.th เพื่อเข้าสู่บัญชีธนาคารพาณิชย์และหรือกระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์ส่วนตัว (Personal Wallet) ให้เรียบร้อยก่อนวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 และตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2562 นักลงทุนจะไม่สามารถทำการซื้อขาย แลกเปลี่ยน (เทรดดิ้ง) ผ่านเว็บไซต์ BX.in.th ได้อีกต่อไป
สำหรับ กระบวนการการคืนสินทรัพย์ต่อลูกค้า ทางบริษัทเปิดเผยขั้นตอนต่าง ๆ รวมทั้งให้คำแนะนำลูกค้าไว้ ตามขั้นตอนต่าง ๆ ที่ลิงค์ https://bx.in.th/support/article/create-personal-wallet-th/
และเมื่อนักลงทุนมีความประสงค์จะขอโอนย้ายทรัพย์สินดิจิทัลไปซื้อขายในศูนย์ซื้อขายฯอื่นในต่างประเทศ เมื่อได้รับเงิน (fiat money) แล้ว สามารถทำได้โดยผ่าน PayPal USD หรือสามารถโอนกลับ เข้ามาที่บัญชี Foreign Currency Deposit (FCD) ที่เปิดที่ธนาคารพาณิชย์ไทยได้ โดยต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย
กระแส "เงินดิจิทัล" มาแรง! ลงทุนอย่างไรไม่ให้โดนหลอก
ส่วนผลกระทบต่อผู้ลงทุนนอกจากเหตุการณ์ที่มีผู้แอบอ้างโอนเงิน/สินทรัพย์ดิจิทัลแล้วผู้ลงทุนของ บริษัทบิทคอยน์ จะต้องรับโอนทรัพย์สินมาที่กระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์ของตนเอง หรือศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (exchange) รายอื่น หรือสั่งขาย หรือหากลูกค้ามีเงินสดก็สามารถโอนออกไปยังบัญชีของตนเองได้ แต่ทาง ก.ล.ต. ก็ได้กำชับให้บริษัทดูแลทรัพย์สินของลูกค้า และดำเนินการตามความประสงค์ของลูกค้า
ในการขอรับคืนทรัพย์สิน หรือโอนทรัพย์สิน ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยพร้อมรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการให้แก่ ก.ล.ต. ทราบเป็นระยะ “และเมื่อบริษัทได้ทำการคืนทรัพย์สินให้ลูกค้าทั้งหมด หรือบริษัทสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีวิธีการดูแลหรือจัดการทรัพย์สินของลูกค้าที่เหลืออยู่อย่างเรียบร้อย บริษัทจึงจะสามารถเข้าสู่กระบวนการคืนใบอนุญาตต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้”
แต่ในระหว่างที่ยังไม่ได้มีการคืนใบอนุญาต ก.ล.ต. ยังมีอำนาจในการกำกับดูแลและสั่งการให้บริษัทฯ ปฏิบัติตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ ต่างๆ เพื่อให้ความคุ้มครองผู้ลงทุนอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน มีผู้ประกอบธุรกิจที่ได้ license exchange แล้ว 3 ราย (รวมบริษัท บิทคอยน์ จำกัด) คือ บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (BITKUB) และ บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Satang Pro) นอกจากนี้ยังมีที่อยู่ระหว่างรอ activate 1 ราย รวมทั้งมีผู้มายื่นคำขอเป็น exchange อีก 2 ราย และอยู่ระหว่างรับคำปรึกษาอีก 6 ราย
ขณะที่ ผลกระทบที่คาดว่าจะมีต่ออุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล ในกรณีที่รายใหญ่ขอเลิกประกอบธุรกิจเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น ก.ล.ต.มองว่า เป็นเรื่องเฉพาะบริษัท ซึ่งบริษัทยังไม่ได้ปิดการให้บริการในทันที ดังนั้น จึงต้องใช้ระยะเวลาในการติดตามผล กระทบ และยังคงมีนโยบายที่จะใช้เทคโนโลยีดิจิทัล มาพัฒนาเป็น digital infrastructure ของตลาดทุนไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การดำเนินธุรกิจให้มีความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น รวมทั้งยังส่งผลดีต่อผู้ลงทุน และประชาชนที่จะเข้ามาใช้บริการด้วยต้นทุนที่ลดลง
รู้ทันกลโกง "บิทคอยน์" ธุรกิจซื้อ - ขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล
“ลิบรา” เงินดิจิทัล เฟซบุ๊ก ก้าวที่ท้าทายระบบการเงิน
คุณสมบัติและบทพิสูจน์ "ลิบรา" กับการก้าวเป็นสกุลเงินใหม่ของโลก
ก.ล.ต. เตือนประชาชนระวังการหลอกลงทุน "ลิบรา"