ญาติทารก ปัด ค้ามนุษย์ ยัน ลงเพจหาคนอุปถัมภ์
เป็นการเปิดใจผ่านล่ามภาษาของหญิงพิการ แม่ทารกวัย 5 เดือน ที่ถูกเพจเฟซบุ๊กประกาศขายและหาผู้อุปการะ ระหว่างเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม.ประจวบคีรีขันธ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบความเป็นอยู่ที่บ้านพักในตำบลหนองแก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
โดยหญิงพิการแม่ของทารกวัย 5 เดือน รายนี้ อาศัยอยู่กับญาติที่มีอาชีพเผาถ่านขาย รวม 11 คน ช่วงหนึ่งเธอได้คุยผ่านล่ามภาษามือที่เดินทางมากับเจ้าหน้าที่พม.ว่า เธออยู่ในภาวะเครียดและสภาพจิตใจย้ำแย่ หลังถูกชายพิการในพื้นที่ใกล้เคียงล่อลวงไปล่วงละเมิดทางเพศ จนตั้งครรภ์ก่อนจะคลอดลูกคนนี้มา โดยยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้สมยอม และยังต้องการดำเนินคดีเอาผิดกับผู้ก่อเหตุ
ส่วนลูกน้อยที่เกิดขึ้น เธออยากให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่าตัวเอง จึงยอมให้ดาบตำรวจคนที่ตกเป็นข่าวรับอุปการะไปเลี้ยง ส่วนตัวเธอเองต้องการกลับไปเรียนต่อให้จบม.6 เพื่อมีอาชีพและใช้ชีวิตต่อไป
ส่วนสาเหตุที่ภาพและข้อมูลของลูกเธอไปปรากฎเฟซบุ๊ก เธอระบุว่า รู้เพียงว่าญาติเคยประสานงานหาผู้อุปการะลูกของเธอ ซึ่งคาดว่าจะติดต่อไปยังเพจเฟซบุ๊กแห่งนี้ โดยไม่รู้ว่า เพจนี้จะนำลูกของเธอไปประกาศขาย ซึ่งไม่ตรงกับความต้องการและเวลานี้เธอตัดสินชัดเจนแล้วว่า จะยกลูกให้ดาบตำรวจที่ตกเป็นข่าว เพราะมีความตั้งใจและความพร้อมจะเลี้ยงลูกของเธอ
ด้านนางสาวพนิดา ชูแข พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า แม้แม่เด็กจะยินยอมและมีความต้องการชัดเจนให้ดาบตำรวจอุปการะเลี้ยงดู ลูกของเธอ แต่ตามกฎหมายต้องมีขั้นตอนและตรวจสอบความพร้อมของผู้อุปการะ โดยทางเจ้าหน้าที่พม.จะต้องไปตรวจเยี่ยมเด็กทุก 6 เดือน
ส่วนการช่วยเหลือดูแลเรื่องอื่นๆ พม.จะช่วยประสานงานให้แม่ของเด็กได้กลับไปเรียนให้จบ ม.6 ตามความต้องการ โดยจะให้ศูนย์บริการคนพิการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประสานงานกับสถานศึกษา เพื่อให้สามารถกลับออกมาประกอบอาชีพได้ รวมถึงด้านคดีความที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ เจ้าหน้าที่ได้พาแม่เด็กไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน เพราะก่อนหน้านี้ตัวแม่เด็กไม่กล้าเนื่องจากไม่ทราบขั้นตอนดำเนินการ
ตร.เร่งหาเจ้าของเพจอ้างซื้อ-ขายทารก ญาติเด็กจ่อแจ้งความเสนอข้อมูลเท็จ
ส่วนภาพรวมของปัญหาตั้งครรภ์และไม่พร้อมเลี้ยงดูลูก สหทัยมูลนิธิที่มีประสบการณ์ช่วยเหลือให้คำปรึกษาผู้ปรึกษาที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ เปิดเผยว่า ใน1ปีจะมีอยู่ประมาณละ 150ราย ซึ่งทางมูลนิธิได้ให้คำปรึกษาตั้งแต่ปัญหาขณะตั้งครรภ์ การหาที่พักระหว่างรอคลอดและหลังคลอด และช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดู แต่หากไม่มีความพร้อมในการเลี้ยงดูต่อไปอีก ทางมูลนิธิจะจัดหาอาสาสมัครครอบครัวอุปถัมภ์ช่วยเลี้ยงดูเด็กชั่วคราว โดยฝากเลี้ยงไม่เกิน1 ปี หรือมารับคืนได้เมื่อพร้อม ซึ่งในขณะนี้มีครอบครัวอุปถัมภ์อยู่ 90 ครอบครัว การเลี้ยงของระบบอุปถัมภ์ชั่วคราวอาสาสมัครจะต้องเข้าอบรมกับมูลนิธิเดือนละ 1 ครั้ง และติดตามผลโดยนักสังคมสงเคราะห์ทุก 1เดือน แต่ในภาพรวมระบบเช่นนี้อาจจะยังไม่เพียงพอรองรับกับปัญหาตั้งครรภ์และไม่พร้อมเลี้ยงดู ซึ่งมาจากหลายสาเหตุและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
นางสาวกอบกาญจน์ มองว่า การมีระบบครอบครัวอุปถัมภ์จะทำให้เด็กได้กลับไปอยู่กับครอบครัวที่แท้จริง ลดปัญหาการท้องไม่พร้อมแล้วเลือกแก้ไขปัญหาไม่ถูกจุดอย่างการใช่สื่อออนไลน์ หรือเพจอุปการะดังกล่าว
ครอบครัวยันไม่ได้ซื้อ-ขายทารก แต่เคยติดต่อหาคนอุปการะ