ในสังคมโซเชียลมีการแชร์โพตส์ภาพบรรยากาศร้านอาหารบริเวณแก่งหูแร่ ในพื้นที่ ต.ท่ามะเดื่อ อ.บางแก้ว จ.พัทลุง ระบุข้อความว่า รุกล้ำลำน้ำสาธารณะหรือไม่..? #แก่งน้ำหูแร่หรือคลองหูแร่ เป็นส่วนหนึ่งของคลองอีโตในพื้นที่ ต.ท่ามะเดื่อ อ.บางแก้ว ต้นน้ำของคลองนี้คือป่าใหญ่แห่งเทือกเขาบรรทัด โดยผู้โพสต์คือเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก ชมรม strong – จิตพอเพียงต้านทุจริต จ.นครศรีธรรมราช
ผู้ว่าฯนครศรีฯ สั่งผู้ประกอบการรื้อถอนคอนกรีตรุกล้ำคลองคีรีวง
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พบว่าแก่งหูแร่ หรือ ธารน้ำหูแร่ เป็นส่วนหนึ่งของคลองหูแร่ที่รับน้ำมาจากเทือกเขาบรรทัด สภาพบรรยากาศสองฝั่งคลองมีผู้ประกอบการร้านอาหารประมาณ 10 ร้าน ตั้งเรียงรายริมฝั่ง บริเวณริมคลองมีเพิงพักแบบลอยน้ำได้วางเรียงราย ไว้บริการนักท่องเที่ยว
จากการสอบถาม ผู้ประกอบการในพื้นที่ บอกว่า สถานที่ดังกล่าวเป็นที่ดินส่วนยางพาราของชาวบ้านที่อยู่ติดกับลำคลองสาธารณะ ยอมรับว่าทางร้านนำสิ่งปลูกสร้างลงไปบริเวณลำธารจริง แต่เป็นเพิงพักแบบลอยน้ำ ไม่ได้ทำแบบถาวรใช้วัสดุอิฐและปูน อย่างที่เป็นข่าวและที่ผ่านมาบริเวณแก่งหูแร่ได้รับการส่งเสริมทั้งจากท้องถิ่น และจากจังหวัด เป็นสถานที่ท่องเที่ยว หลังตกเป็นข่าวทำให้ผู้ประกอบการไม่สบายใจและหากผิดจริงก็ยอมให้รื้อถอน
เจ้าท่าฯ แจ้งความเทคอนกรีตรุกล้ำคลองท่าดี ทุกราย
ขณะที่ผู้ประกอบการร้านริมลำคลองท่าดี อำเภอลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ฝั่งทางด้านทิศตะวันออกของลำน้ำได้เร่งรื้อถอนคอนกรีตที่รุกล้ำไปในลำคลอง โดยใช้ทั้งแรงงานคนและเครื่องจักรเข้าทำการรื้อให้กลับคืนสภาพเดิมโดยเร็วตามข้อตกลงระหว่างหน่วยงานราชการและผู้ประกอบทั้ง 10 รายที่เทคอนกรีตรุกล้ำ
โดยมีนายสำคัญ อรทัย นายอำเภอลานสกา และนายสันธนะ จันทร เจ้าท่าภูมิภาคที่ 14 นครศรีธรรมราช พร้อมเจ้าหน้าที่เข้าบันทึกภาพสังเกตการณ์
นายสมพร อนุโต ผู้ประกอบเจ้าของร้านกาแฟ ระบุว่าสาเหตที่เทคอนกรีต เพราะไว้รองรับนักท่องเที่ยว แต่ก็ยอมรับและรื้อออกทั้งหมดเหมือนกันทุกๆร้านตามข้อตกลง และได้ขอโทษผู้ที่รักธรรมชาติรักคีรีวงที่เป็นแบบนี้ สำหรับการลงทุนที่เกิดขึ้นนั้นถ้านับรวมที่จะรื้อด้วยแล้วประมาณ 1 แสนบาท
ในส่วนของคดี นายสันธนะ จันทร เจ้าท่าภูมิภาคที่ 14 นครศรีธรรมราช เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ประกอบการที่ปลูกสร้างสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลำน้ำสาธารณะ หลังได้รับคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่โดยไม่มีข้อยกเว้นเนื่องจากหากไม่ดำเนินการเจ้าหน้าที่จะเป็นผู้กระทำความผิดเสียเอง
ภาระหลังจากนี้ทางเจ้าท่าจะต้องไปทำการตรวจสอบพื้นที่รุกล้ำของแต่ละรายว่ามีมากน้อยแค่ไหน ใครบ้างเพื่อนำส่งให้พนักงานสอบสวน ส่วนระวางโทษนั้นมีทั้งจำและปรับ เมื่อถามว่าการเร่งรื้อถอนของผู้ประกอบการจะเป็นเหตุในการบรรเทาโทษหรือไม่ เจ้าท่าภูมิภาคนครศรีธรรมราช ระบุว่าเป็นดุลพินิจของศาล
"ศรีสุวรรณ"แนะรัฐ สั่งรื้อถอนทั้งหมดยึด"คีรีวง"เป็นแม่แบบ
ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย แสดงความคิดเห็นกรณีที่มีการเทคอนกรีตรุกล้ำคลองท่าดี ในชุมชุนคีรีวง มองว่าเป็นการเพิกเฉยละเลยของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมป่าไม้ กรมเจ้าท่า ที่มีส่วนรับผิดชอบหลักเพราะเป็นพื้นที่ในความดูแล รวมถึง อบต. นายอำเภอ และผู้ว่าราชการจังหวัดที่ต้องรับผิดชอบร่วมกันในการกำกับดูแลให้มีการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งการเพิกเฉยของเจ้าหน้าที่รัฐนี้ถือว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ส่วนภาพรวมการสร้างสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำคลองสาธารณะในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย นายศรีสุวรรณ มองว่าเป็นเพราะบางพื้นที่มีการก่อสร้างมาหลายปีแล้ว โดยผู้ประกอบการอาจไม่คิดว่าผิดกฎหมายเพราะก่อนหน้านี้ที่มีผู้ประกอบการรายอื่นสร้างรุกล้ำพื้นที่ลำน้ำก็ไม่มีเจ้าหน้าที่ไปสั่งรื้อถอน แต่พอเป็นข่าวดังถึงมีการสั่งดำเนินการ
ทั้งนี้นายศรีสุวรรณ เสนอแนะว่า ในเมื่อมีการจุดประเด็นเรื่องดังกล่าวมาแล้ว หน่วยงานรัฐก็ควรพลิกวิกฤตเป็นโอกาส โดยการแก้ไขระยะสั้นควรสั่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำลำน้ำทั้งหมด ส่วนการแก้ไขระยะยาวควรยึดคีรีวงเป็นแม่แบบแล้วตรวจสอบสิ่งปลูกสร้างในแหล่งท่องเที่ยวลักษณะเดียวกัน ไม่ให้มีการสร้างรุกล้ำพื้นที่ป่าไม้ลำคลองอีก
นอภ.ลานสกา สั่งรื้อ คอนกรีตลุกล้ำแม่น้ำ