“ทรัมป์” สั่ง ยิงแก๊สน้ำตาปราบม็อบ ครั้งแรกในรอบ 60 ปีของสหรัฐฯ


โดย PPTV Online

เผยแพร่




นอกเหนือจากเรื่องโควิด-19 อีกสิ่งที่จะเป็นปัจจัยต่อผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีคือ การประท้วงเหยียดสีผิวหลังการตายของ “จอร์จ ฟลอยด์” ที่ดำเนินไปเข้าสู่สัปดาห์ที่ 6 แล้วและยิ่งใกล้เลือกตั้งมากเท่าไหร่ เราก็ได้เห็นภาพหรือสิ่งที่ไม่ค่อยเกิดขึ้น และเป็นภาพที่น่ากังวล

ทรัมป์จะกลับมาหาเสียงในรัฐโอคลาโฮมาเป็นที่แรกนับแต่โควิด-19 ระบาด

นี่คือหนึ่งในภาพนั้น การปะทะกันระหว่างตำรวจกับผู้ประท้วงที่เกิดขึ้นที่เมืองพอร์ตแลนด์ เป็นความกังวลเพราะตำรวจใช้แก๊สน้ำตาเป็นครั้งแรกในรอบ 60 ปีและตำรวจที่สลายม๊อบเป็นตำรวจจากส่วนกลางที่มาโดยคำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์ทำอย่างนั้นเพื่ออะไร

นี่คือภาพความชุลมุนวุ่นวายหลังตำรวจใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน ชายเสื้อขาวรายนี้กำลังทำท่าจะต้านตำรวจที่อยู่ในชุดป้องกันแก๊สน้ำตาแบบมิดชิด แต่ก็โดนตำรวจใช้กระบองทุบตี ขณะที่ตำรวจอีกนายใช้แก๊สน้ำตายิงเข้าที่ใบหน้าของชายเสื้อขาวรายนี้ การปะทะรุนแรงขึ้นเมื่อตำรวจวิ่งเข้าจับกุมผู้ประท้วงคนอื่นๆอย่างที่เห็น

ความตึงเครียดระหว่างตำรวจและผู้ประท้วงในพอร์ตแลนด์เกิดขึ้นตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากตำรวจของรัฐบาลกลางใช้กำลังในการสลายการชุมนุม เป็นที่น่าสังเกตุว่า ตำรวจที่มาปฏิบัติงานครั้งนี้ไม่เหมือนกับตำรวจที่ประชาชนที่นี่เคยเห็น

อยู่ในชุดลายพรางปราศจากเครื่องหมายระบุตัวตนที่ชัดเจน และยังใช้รถยนต์ที่ไม่สามารถระบุได้ว่า เป็นยานพาหนะของตำรวจหน่วยใดในการเคลื่อนย้ายผู้ประท้วงที่ถูกจับกุมตัว ตำรวจเหล่านี้เป็นตำรวจที่มาจากการใช้อำนาจประธานาธิบดีสั่งการ เป็นตำรวจของรัฐบาลกลาง ไม่ใช่ของรัฐ

ประธานาธิบดีสามารถสั่งตำรวจหน่วยนี้เข้าปฏิบัติงานได้โดยโดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ว่าการรัฐ

มีรายงานว่า ตำรวจหน่วยนี้เข้าไปในเมืองพอร์ตแลนด์ เพื่อปกป้องอนุเสาวรีย์และอาคารของรัฐบาลกลาง หลังจากที่ผู้ประท้วงต่อต้านการเหยียดสีผิวและเชื้อชาติ Black Lives Matter ทำลายอนุสรณ์หลายแห่งที่เกี่ยวโยงกับการค้าทาสในอดีต

ทรัมป์ขู่ใช้กำลังทหารจัดการม็อบ “จอร์จ ฟลอยด์” หากยังไม่หยุดความรุนแรง

ตั้งแต่มีการประท้วง มีผู้ประท้วงหลายเมืองถูกยิงแก๊สน้ำตา ซึ่งนับว่าเป็นภาพที่เราไม่ค่อยเห็นในสหรัฐฯ ครั้งนี้นับว่าเป็นการยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ประท้วงทั่วสหรัฐฯ ครั้งแรก ตั้งแต่เกิดเหตุความไม่สงบในสหรัฐฯ ในช่วงปี 1960

คำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่นำไปสู่การปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับผู้ประท้วงอย่างรุนแรง จึงทำให้นักการเมืองท้องถิ่นต่างออกมาโจมตีการตัดสินใจครั้งนี้ของทรัมป์ที่ใช้อำนาจของรัฐบาลกลางเข้าปราบกรามการชุมนุม

Ellen Rosenblum อัยการสูงสุดของรัฐโอเรกอน ยื่นฟ้องรัฐบาลกลางในข้อหากักตัวผู้ประท้วงอย่างผิดกฎหมาย และเรียกร้องให้มีการสั่งเจ้าหน้าที่ยุติการจับกุมตัวผู้ประท้วงในเมืองพอร์ตแลนด์

ด้าน Kate Brown ผู้ว่าการรัฐโอเรกอน รัฐของเมืองพอร์ตแลนด์ ได้โพสต์ข้อความลงบนทวิตเตอร์ส่วนตัวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในพอร์ตแลนด์ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อความปลอดภัยของสาธารณะ แต่เป็นเพียงเครื่องมือทางการเมืองของประธานาธิบดีทรัมป์และเป็นการใช้อำนาจของรัฐบาลกลางในทางที่ผิด

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ได้โพสข้อความบนทวิตเตอร์ส่วนตัวของเขาเช่นกัน ซึ่งข้อความดังกล่าวได้แสดงการปกป้องการทำงานของรัฐบาลกลาง และยังระบุว่ารัฐบาลกำลังพยายามช่วยเหลือเมืองพอร์ตแลนด์ที่ถูกปลุกปั่นโดยกลุ่มอนาธิปไตยและกลุ่มผู้ก่อการจลาจล

หลังจากการชุลมุนที่เกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ประท้วงยังคงออกมาประท้วงยืนเรียงแถว ถือป้าย และตะโกนขับไล่ตำรวจ

การใช้อำนาจในการปราบปรามผู้ประท้วงของทรัมป์ใกล้กับช่วงการเลือกตั้ง สะท้อนว่า เขาไม่ได้ต้องการผ่อนปรนมาตรการใดๆ หรือทำตามข้อเรียกร้องของผู้ประท้วง จุดยืนของทรัมป์ต่อเรื่องเชื้อชาติและสีผิวยิ่งถูกย้ำให้เห็นชัดขึ้นกว่าเดิม ที่จะนำไปสู่สังคมอเมริกันที่แบ่งแยกมากขึ้น หากเขาชนะการเลือกตั้ง

ทำเนียบขาวเดือด ตร.ยิงแก๊สน้ำตาสลายม็อบต้านเหยียดผิว

 

 

 

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ