“แบน WeChat” สัญญาณไม่พึงปรารถนาต่อชาวจีนในสหรัฐฯ


โดย PPTV Online

เผยแพร่




การตัดสินใจแบน WeChat แอปพลิเคชันเพื่อการสื่อสารและใช้ชีวิตประจำวันของชาวจีน ทำให้ชาวจีนในสหรัฐฯ ไม่น้อยเกิดความวิตก โดยเฉพาะเมื่อบางคนมีครอบครัวซึ่งอยู่ห่างออกไปมากกว่าหมื่นกิโลเมตร

สำหรับชุมชนชาวจีนทั่วโลก “WeChat” เป็นมากกว่าแค่แอปพลิเคชันคุยแชต แต่เป็นช่องทางหลักในการติดต่อกับเพื่อนและครอบครัวที่บ้าน ซึ่งอยู่ห่างออกไปนับหมื่นกิโลเมตร

จีน จวก สหรัฐฯ อ้างความมั่นคง แบน TikTok - WeChat

ทรัมป์ลงนามแบน TikTok และ WeChat มีผลภายใน 45 วัน

ดังนั้นการตัดสินใจเมื่อสัปดาห์ที่แล้วของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่สั่งให้บริษัทอเมริกันทั้งหมดหยุดทำธุรกิจกับ WeChat ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว

“WeChat กลายเป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับคนที่พูดภาษาจีนทุกคน ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนในโลกก็ตาม” ชาวเซี่ยงไฮ้คนหนึ่งบอก

มีผู้ใช้งาน WeChat หลายพันล้านคนทั่วโลก ส่วนมากใช้เป็นแพลตฟอร์มเครือข่ายสังคมออนไลน์ แต่สามารถใช้สำหรับกิจกรรมประจำวัน เช่น การจ่ายเงินซื้อของ เล่นเกม และแม้แต่การออกเดต

แต่ WeChat ก็มีด้านที่น่าจับตามอง นั่นคือเป็นเครื่องมือสำคัญในการเฝ้าระวังปัญหาภายในของจีน หรือจะเรียกว่า “ถูกจับตามอง” ก็อาจไม่ผิด บ่อยครั้งที่ข้อความหรือข้อมูล “ไม่เหมาะสม” ในสื่อออนไลน์จีนถูกตรวจจับ และถูกลบทิ้ง

ขณะที่บางประเทศก็มองว่าแอปฯ จากจีนอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของพวกเขา ประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่า WeChat เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ และกล่าวหาว่าแอปฯ ดังกล่าวได้รวบรวมข้อมูลผู้ใช้ "จำนวนมาก" ซึ่งคุกคามข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่เป็นกรรมสิทธิ์ของชาวอเมริกัน

เทนเซ็นต์ (TenCent) ซึ่งเป็นเจ้าของ WeChat ได้รับคำสั่งให้ขายแอปฯ แก่ผู้ประกอบกิจการในอเมริกาภายในกลางเดือนกันยายน มิเช่นนั้นจะถูกห้ามไม่ให้ดำเนินการในสหรัฐฯ

การดำเนินการเพื่อปิดกั้น WeChat ถูกชาวจีนจำนวนมากมองว่า เป็นการโจมตีวัฒนธรรม ผู้คนและรัฐของตน ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของจีนกล่าวหาว่าอเมริกาใช้ความมั่นคงของชาติเป็นที่กำบังเพื่อคานอำนาจ

ขณะที่ปัญหาหนักกลับดูจะตกอยู่กับชาวจีนที่พำนักอยู่ในสหรัฐฯ ทั้งในฐานะพลเมือง และผู้ลี้ภัย ซึ่งต่างตกใจกับการเคลื่อนไหวดังกล่าว และสิ่งหลายคนกังวลมากไปกว่านั้น คือไม่ใช่เพียงการติดต่อสื่อสารกับคนที่คุณรักที่อยู่บ้านเกิดเท่านั้นเท่านั้น แต่มันยังสะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่ดูจะไม่สู้ดีเท่าไรด้วย

เจนนี (Jenny) อายุ 21 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย บอกว่าเธอได้ข่าวการตัดสินใจขงสหรัฐฯ ขณะเลื่อนดูข่าวต่าง ๆ ใน WeChat

“ตอนแรกฉันไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง แล้วฉันก็รู้สึกโกรธมาก” เธอบอก โดยปกติเจนนีจะใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงต่อวันในการใช้งาน WeChat ส่วนใหญ่ใช้เพื่อติดต่อกับผู้คนในสหรัฐอเมริกาและจีน นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญ และเธอใช้เวลาส่วนใหญ่ในการอ่านบทความที่เผยแพร่โดยสื่อจีน

ในวันครบรอบของการสังหารหมู่ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน เจนนีได้โพสต์ข้อความรำลึกถึงหนึ่งประโยค มันถูกลบออกอย่างรวดเร็วและบัญชีสาธารณะทั้งหมดของเธอก็หายไป

เธอบอกว่า แม้เธอจะกังวลมากว่า WeChat จะแชร์ข้อมูลของเธอให้กับรัฐบาลจีน แต่เธอก็ไม่เห็นด้วยอย่างมากที่สหรัฐฯ จะแบนแอปฯ นี้

“มันก็คล้ายกับสิ่งที่จีนทำ นั่นคือเซ็นเซอร์” เจนนี่กล่าว เธอเชื่อว่าควรมีทางเลือกอื่นในการจัดการภัยคุกคามที่เกิดจาก WeChat นอกเหนือจากการห้ามมันทั้งหมด “ฉันอยากเรียนที่อเมริกาเพราะความเปิดกว้าง แต่ความเคลื่อนไหวนี้ทำให้ฉันผิดหวัง”

ความรู้สึกผิดหวังนี้ถูกแบ่งปันโดยผู้อพยพชาวจีนคนอื่น ๆ ในสหรัฐฯ

ไมลีย์ ซ่ง (Miley Song) ชาวจีนวัย 30 ปีในแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า “ฉันเคยคิดว่าอเมริกาเป็นประเทศที่รวมวัฒนธรรมจากชาติต่างภาษาไว้ด้วยกันได้” แต่ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลวอชิงตันส่ง “สัญญาณที่ไม่พึงปรารถนา” ให้กับชาวจีนในประเทศ

ซ่งมักใช้แอปฯ นี้ติดต่อกับพ่อแม่ของเธอในประเทศจีน เธอมีอาการตื่นตระหนกไม่น้อยหลังจากได้ข่าวคำสั่งของทรัมป์ แต่เธอพยายามมองโลกในแง่ดี “การแบนดูคลุมเครือมาก ฉันคิดว่าการแบน WeChat ทั้งหมดอาจเป็นเรื่องยาก ... เราต้องรอดูต่อไปก่อน”

ขณะเดียวกันเธอก็มองว่า ปัญหาความขัดแย้งระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่ทรัมป์พยายามกวนให้ขุ่นขึ้นมานี้ เป็นเพียงฉากบังหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงประเด็นความเสียหายจากโควิด-19 ในการบริหารของทรัมป์เท่านั้น

นอกจากนี้ ยังมีความกังวลในหมู่ผู้ที่เดินทางกลับประเทศจีนหลังจากอาศัยและศึกษาในอเมริกามาเป็นเวลานานเช่นกัน

ราเชล (Rachel) อดีตนักศึกษาที่ใช้เวลา 10 ปีอาศัยในสหรัฐอเมริกา และกลับมาอยู่ที่เซี่ยงไฮ้แล้วในปัจจุบัน มองว่า WeChat เป็น “เครื่องมือที่ฝังอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คนอย่างแยกไม่ได้ ... ถ้าคุณอาศัยอยู่ในประเทศจีน คุณจะไปไหนไม่ได้เลยหากไม่มีแอปฯ หลัก 2 แอปฯ ได้แก่ WeChat และ AliPay หากคุณต้องการซื้อนม คุณสามารถเปิด WeChat Pay หรือ AliPay เพื่อสแกนรหัสคิวอาร์ และชำระเงินได้เลย และร้านค้าส่วนใหญ่ไม่รับเงินสดด้วย”

และแม้ว่าคำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์จะส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อกิจกรรมประจำวันของเธอในจีน แต่ราเชลกล่าวว่า การติดต่อกับผู้คนในสหรัฐฯ อาจยากขึ้น ด้วยเหตุนี้เธอคิดว่า อาจมีหลายคนกำลังสำรวจทางเลือกอื่น ๆ เช่น แอปฯ การสื่อสารอื่นอย่าง Line หรือใช้ VPN

เปิดสาเหตุ สหรัฐฯ เตรียมแบน TikTok แอปฯสัญชาติจีน

หลายประเทศเล็งแบน “TikTok” หวั่นข้อมูลประชาชนรั่วไหลและเป็นภัยความมั่นคง

เรียบเรียงจาก BBC

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ